จีนเตรียมผ่อนคลาย เพดานถือหุ้นของชาวต่างชาติ หวังดึงดูดเงินทุนเข้าประเทศ

สื่อต่างประเทศระบุว่า ทางการจีนกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อสนับสนุนการถือหุ้นของต่างชาติในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และปักกิ่ง เพื่อดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 

มาตรการหนึ่งนั่นคือการลดข้อจำกัดการถือครองกรรมสิทธิ์ของต่างชาติในบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่กำหนดไว้ 30% และจำกัดการถือครองหุ้นของต่างชาติแต่ละรายไว้ที่ 10%

อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาล่าสุดเรื่องนี้ ยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นและยังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับรายละเอียดกับหน่วยงานภาคที่เกี่ยวข้อง ที่อาจได้รับผลประโยชน์และเพดานจำกัดใหม่

ทั้งนี้ยังไม่มีความเห็นจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) และสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ในประเด็นดังกล่าว

การหารือดังกล่าวมีขึ้นหลังท่ามกลางการไหลออกของเงินทุนต่างชาติจากตลาดหลักทรัพย์จีนอย่างต่อเนื่อง และหุ้นต่างๆ ในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในปีนี้ และเป็นอีกสัญญาณที่บ่งบอกว่าจีนกำลังดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ในที่ประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ว่า “จะกระตุ้นตลาดทุนและเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน”

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น A-shares มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว และการถือครองหลักทรัพย์และตราสารหนี้ของจีนลดลงประมาณ 1.37 ล้านล้านหยวน (1.88 แสนล้านดอลลาร์) หรือ 17% จากระดับสูงสุดในเดือนธ.ค. 2564 จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 2566

ตลาดหุ้นจีนปรับลดลงมาก จากนักลงทุนทั่วโลกกำลังแห่เทขายท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวและความกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนความเปราะบางและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ที่บริษัทใหญ่ล้มละลายต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการเข้ามากระตุ้น เพื่อคลายความกังวลของนักลงทุนแล้วก็ตาม