29 กันยายน 2566
516
Big C บุกฮ่องกง เตรียมขยาย 99 สาขา ภายในปี 69
หลังปิดดีลซื้อกิจการ AbouThai ในฮ่องกง ธุรกิจค้าปลีกภายใต้อาณาจักร "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" ลุยเปลี่ยนชื่อร้านเป็น "Big C "ตั้งงบลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และขยายเพิ่มเป็น 99 สาขา ภายในปี 2569
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BRC) เผยหลังจากบิ๊กซี รีเทล ได้ซื้อกิจการร้าน AbouThai ทั้ง 24 สาขา ในฮ่องกง และเปลี่ยนชื่อเป็นบิ๊กซี (Big C) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 บริษัทได้วางแผนเปิดสาขาเพิ่มทั่วฮ่องกง
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ปีละ 25 สาขา เพื่อให้มีสาขารวมมากถึง 99 สาขา ภายในสิ้นปี 2569 และวางแผนการลงทุนระยะยาวในฮ่องกงด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
บริษัทคาดว่า การรุกเปิดสาขาเพิ่มจะมีส่วนสำคัญช่วยในการผลักดันยอดขาย BigC ในฮ่องกงจะเติบโตอย่างรวดเร็วกว่า 1 พันล้านฮ่องกงดอลลาร์ในปี 2568 และเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในปี 2569
บริษัทยังวางกลยุทธ์ในการนำเข้าสินค้าแบรนด์ดังจากประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากกว่า 80% ไปจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการและความต้องการของลูกค้าฮ่องกง
การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของ BigC Retail ในการขยายธุรกิจออกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน รวมทั้งมีแผนในการยกระดับ Big C ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยในกลุ่ม TCC ให้มีคุณภาพระดับพรีเมียม
รวมถึงมีความสนใจการลงทุนในโครงการพัฒนาไคตั๊ก (Kai Tak) เป็นพื้นที่มหาศาลอยู่กลางเมืองและติดริมน้ำ ซึ่งฮ่องกงต้องการให้ไคตั๊กเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองฮ่องกงในอนาคต
“ท่ามกลางความท้าทายในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ฮ่องกงก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อว่าฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในเอเชียที่เชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนแผ่นดินใหญ่ มีศักยภาพทางธุรกิจสูง และมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในฐานลูกค้านักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของ BigC” นายอัศวิน ระบุ
ด้วยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ BigC Retail ได้เลือกฮ่องกงเป็นตลาดแรกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากขยายธุรกิจในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อขยายสาขาบิ๊กซีกว่า 2,000 แห่ง ในรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประกอบด้วย บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส และบิ๊กซี มินิ
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BRC) เผยหลังจากบิ๊กซี รีเทล ได้ซื้อกิจการร้าน AbouThai ทั้ง 24 สาขา ในฮ่องกง และเปลี่ยนชื่อเป็นบิ๊กซี (Big C) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 บริษัทได้วางแผนเปิดสาขาเพิ่มทั่วฮ่องกง
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ปีละ 25 สาขา เพื่อให้มีสาขารวมมากถึง 99 สาขา ภายในสิ้นปี 2569 และวางแผนการลงทุนระยะยาวในฮ่องกงด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
บริษัทคาดว่า การรุกเปิดสาขาเพิ่มจะมีส่วนสำคัญช่วยในการผลักดันยอดขาย BigC ในฮ่องกงจะเติบโตอย่างรวดเร็วกว่า 1 พันล้านฮ่องกงดอลลาร์ในปี 2568 และเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในปี 2569
บริษัทยังวางกลยุทธ์ในการนำเข้าสินค้าแบรนด์ดังจากประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากกว่า 80% ไปจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการและความต้องการของลูกค้าฮ่องกง
การซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของ BigC Retail ในการขยายธุรกิจออกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน รวมทั้งมีแผนในการยกระดับ Big C ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยในกลุ่ม TCC ให้มีคุณภาพระดับพรีเมียม
รวมถึงมีความสนใจการลงทุนในโครงการพัฒนาไคตั๊ก (Kai Tak) เป็นพื้นที่มหาศาลอยู่กลางเมืองและติดริมน้ำ ซึ่งฮ่องกงต้องการให้ไคตั๊กเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองฮ่องกงในอนาคต
“ท่ามกลางความท้าทายในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ฮ่องกงก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อว่าฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในเอเชียที่เชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนแผ่นดินใหญ่ มีศักยภาพทางธุรกิจสูง และมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในฐานลูกค้านักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของ BigC” นายอัศวิน ระบุ
ด้วยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ BigC Retail ได้เลือกฮ่องกงเป็นตลาดแรกนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากขยายธุรกิจในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อขยายสาขาบิ๊กซีกว่า 2,000 แห่ง ในรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประกอบด้วย บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส และบิ๊กซี มินิ