14 ธันวาคม 2566
360
กรุงเทพประกันภัย ทำกำไรสูงสุด ในรอบ 76 ปี
บริษัทกรุงเทพประกันภัย (BKI) โชว์ผลงานรอบ 9 เดือน 2566 ทำกำไรกว่า 2.5 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 76 ปี อานิสงส์ ช่วงโควิดดูแลลูกค้าดี
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกปีนี้ เบี้ยรับรวม และ กำไรจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 21,982 ล้านบาท เติบโต 12.5% และ มีกำไร 2,546 ล้านบาท โดยกำไรดังกล่าวถือว่าทำสถิติสูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการมา 76 ปี
สำหรับแผนธุรกิจปี2567 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวม เติบโต 8% หรือ ประมาณ 2,400 ล้านบาท มาอยู่ที่ 32,400 ล้านบาท โดยคาดว่า จะโตจากปี 2566 ที่คาดเบี้ยรับรวมจะทำได้ 30,000 ล้านบาท และ มีกำไรมากกว่า 3,000 ล้านบาท
"ปี 67 ยังมีความไม่แน่นอน และคอนข้างเปราะบางทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศ ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางดอกเบี้ย ทิศทางเงินเฟ้อ การลงทุนของภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาโครงการลงทุนของภาครัฐมีการเลื่อนออกไป ถ้าเราโตได้ 8% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ในสภาวะที่จีดีพีไทยโต 3.7-3.8% จากปีนี้ 2.4-2.5%" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับพอร์ตลงทุนในสภาวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เงินทุนไหลออกต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ออกไปบางส่วนเพื่อทำกำไร และ ปรับพอร์ตด้วยการย้ายเงินฝากไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ เพื่อสอดรับกับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากความนิยมของคนไทย และการส่งเสริมจากภาครัฐ ทำให้ยอดปีนี้มีรถอีวีจดทะเบียน 100,000 คัน จากเดิมมียอดจดทะเบียนแค่ 10,000 คัน และเชื่อว่าปีหน้าคงจะมีการเติบโตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอุตสาหกรรมประกันภัย มีการแข่งขันด้านราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ EV ในอนาคตอาจส่งผลให้อัตรา Loss Ratio สูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เกิดการขาดทุนจากการรับประกันรถประเภทนี้ได้ ปัจจุบันอยู่ระดับ 60% และคาดปีหน้าเพิ่มเป็น 70% - 80%
BKI มีแผนขยายในการขยายผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบ Personal Line ในปีหน้า ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแต่ละวัย และการมุ่งสร้าง Embedded Insurance ซึ่งเป็นประกันที่ผูกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของคู่ค้าอื่นๆ ให้บริษัทเติบโตมากขึ้น โดยในปีหน้ามีแผนทำประกันร่วมกับกลุ่มธุรกิจมือถือ และ credit card
อย่างไรก็ตาม ท่ามการเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบางในปี 2567 นี้ ประเด็นของสถานการณ์เงินเฟ้อนั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นสูงไปก่อนหน้านี้ กว่าจะปรับลดลงต้องใช้เวลากว่า 1 ปี ทำให้ผู้คนมีต้นทุนในการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะทำให้กระทบ หนี้สินบุคคลและ SME ยอดผิดนัดชำระหนี้จะสูงขึ้น