"เทย์เลอร์ สวิฟท์" ตัวแม่แห่ง Pop Culture ผู้เขย่าเศรษฐกิจ - สังคม
Taylor Swift ซูเปอร์สตาร์สาวผู้ซึ่งเขย่าโลกในปี 2023 การทั่วคอนเสิร์ต Swift's Eras Tour ที่บัตรจำนวนมหาศาลขายหมดเกลี้ยงเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เปิดขาย ราคาบัตรรีเซลที่ถูกนำมาขาย ราคาถูกปั่นขึ้นไปหลายเท่า และยังทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนหลายล้านดอลลาร์ในแต่ละเมืองที่มีการจัดคอนเสิร์ต นอกจากนี้บันทึกคอนเสิร์ตที่ถูกนำมาฉายในโรงภาพยนตร์ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากการขายตั๋วถึง 250 ล้านเหรียญ
ส่วนธุรกิจการสตรีมเพลง Taylor Swift ก็ยังคงโดดเด่นกว่า ด้วยยอดการสตรีม 26,000 ล้านครั้ง จนเธอได้รับการจัดอันดับให้เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งปีของ Spotify นอกจากนี้เธอยังกลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มี 4 อัลบั้มใน 10 อันดับแรกของ Billboard ในเวลาเดียวกัน
Colin Stutz ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของ Billboard กล่าวว่า “เขาจัดอันดับความสำเร็จของสวิฟต์ควบคู่ไปกับนักดนตรีชั้นนำอย่างเดอะบีเทิลส์ เอลวิส เพรสลีย์ และไมเคิล แจ็กสัน"
แต่สิ่งที่ดูจะแสดงถึงความโดดเด่นของ Swift มากที่สุด คือ การที่นิตยสารไทม์ยกให้เธอ เป็น "บุคคลแห่งปี 2023" นอกจากนี้ จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เธอมีทรัพย์สินสุทธิถึง 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (26 ธ.ค. 2023) โดยรั้งอยู่ในอันดับที่ 5 ของผู้หญิงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก และ อยู่ในอันดับ 34 ของการจัดอันดับผู้หญิงชาวอเมริกันที่สามารถสร้างทรัพย์ได้เองมากที่สุด เพียงแค่นี้ก็เป็นสิ่งที่การันตีว่า Taylor Swift คือ Icon หรือตัวแม่ของวงการอย่างแท้ทรู
ในปี 2024 Swift Effect จะส่งผลต่อเนื่องไปทั่วโลก เพราะ Swift จะมีการทัวร์คอนเสิร์ตต่อเนื่อง ในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และแคนาดา
ซึ่งกระแสดังกล่าวไม่เพียงแต่สนับสนุนธุรกิจเพลงเท่านั้น Swift Effect ยังยกระดับเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย ตามประมาณการของ Billboard การทัวร์ The Eras Tour ทำรายได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายตั๋ว และการใช้สื่อต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในสิ้นปี 2567 ทำให้มูลค่าThe Eras Tour ของ Taylor Swift แซงหน้า Elton John's Farewell Yellow Brick Road Tour ในฐานะทัวร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์
ในแง่ของการสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจนั้น การจัดคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ในเมืองหนึ่งนั้น ทำให้ Swifties หลั่งไหลเข้ามาใช้จ่ายเงินจองโรงแรม ใช้บริการร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลออกมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน แต่นั่นก็ถือว่าผลที่เกิดขึ้นมีมูลค่ามากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางแห่งฟิลาเดลเฟียพูดถึง The Eras Tour ว่า เป็นตัวผลักดันให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตลอดช่วง 3 วันที่มีการจัดคอนเสิร์ต
นักวิจัยของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย ระบุว่าเดือนพฤษภาคม 2023 เป็นเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับรายได้ของโรงแรมในฟิลาเดลเฟียนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 โดยส่วนใหญ่เกิดจากการหลั่งไหลของแขกที่มาชมคอนเสิร์ตของ Taylor Swift"
นอกจากนี้ การแสดง 2 รายการในเดนเวอร์ ได้สร้างเม็ดเงินเข้าสู่รัฐโคโลราโดถึง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตามรายงานของศูนย์การจ้างงานและเศรษฐกิจแห่งแคลิฟอร์เนียแสดงให้เห็นว่า การจัดคอนเสิร์ตเป็นเวลา 6 คืน ในพื้นที่ใกล้ลอสแองเจลิสสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้ถึง 320 ล้านดอลลาร์และสร้างตำแหน่งงานถึง 3,300 ตำแหน่งในพื้นที่
ขณะที่อิทธิพลของ Taylor Swift ขยายไปถึงวงการการศึกษาอีกด้วย เพราะในฮาร์วาร์ด สแตนฟอร์ด และ วิทยาลัยอื่น ๆ ก็ยังมีการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแต่งเพลงและอิทธิพลของ Taylor Swift อีกด้วย
ขณะที่อิทธิพลในวงการกีฬาเรื่องราวความรักอันโด่งดังของ Taylor Swift กับ Travis Kelce นักอเมริกันฟุตบอล สังกัด Kansas City Chiefs ก็สร้างปรากฏการณ์นำผู้ชมหน้าใหม่มาสู่เกมฟุตบอลเพิ่มขึ้น ยอดขายเสื้อ Travis Kelce เพิ่มขึ้น 400% ภายในระยะเวลาเพียงวันเดียว
สำหรับในปี 2024 The Eras Tour จะยังคงเดินหน้าต่อไปในอีกหลายประเทศ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ จะมุ่งหน้าไปยังโตเกียวก่อนจะเดินทางผ่านออสเตรเลีย สิงคโปร์ และยุโรป จะสิ้นไปสิ้นสุดที่แวนคูเวอร์ในเดือนธันวาคม 2024
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับงาน Grammy Awards ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งอัลบั้ม "Midnights" ของ Taylor Swift จะได้เข้าชิงรางวัลอัลบั้มแห่งปีอีกด้วย
บรรดา Swifties ต่างก็คงต้องมาร่วมลุ้นและเอาใจช่วยเธอไปด้วยกัน … ให้ตัวแม่ ยังคงเป็นตัวแม่ต่อไป