6 จุดเด่น พร้อมสรุปประเด็นหลัก "หุ้น OR" IPO Roadshow
Highlight
"หุ้น OR" คุณค่าที่คู่ควร กับ Roadshow ออนไลน์ครั้งแรก นับถอยหลังสู่การเติบโตครั้งสำคัญ กับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำหรับ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ "OR" ที่เปิดโอกาสให้คนไทยเข้าร่วมเป็นเจ้าของอย่างทั่วถึงกับการเปิดขาย"หุ้น IPO" 24 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2564 สำหรับรายย่อย
ทาง "OR" ได้มีจัด Roadshow ออนไลน์ไปเมื่อ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook LIVE ‘OR Official’ https://www.facebook.com/ORofficialTH/videos/228455472195239/
ทันข่าว Today สรุป Highlight สำคัญ
6 จุดเด่น "OR"
- ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี | ปี 62 มีมาร์เก็ตแชร์ที่ 38.9% เป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 23 ปี
พร้อมทั้งวางเป้าหมายรักษาผู้นำมาร์เก็ตแชร์อย่างต่อเนื่อง ส่วนการตลาดเชิงพาณิชย์ บริษัทยังเป็นผู้นำตลาดทุกสินค้าทั้งน้ำมันหล่อลื่น ธุรกิจ LPG เป็นต้น - บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานทั้งในกลุ่ม PTT และกลุ่มบริษัทอื่นๆได้อีกด้วย
- สามารถส่งมอบเชื้อเพลิงให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยมีคลังสินค้าทุกจุดสำคัญในไทย กว่า 53 จุด
- เดินหน้าขยายธุรกิจ Non-Oil ที่มีอัตรากำไรสูง
- ต่อยอดความสำเร็จด้วยการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
- บริษัทถือเป็นเรือธงสำคัญของ PTT ซึ่งหลัง IPO PTT จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และสนับสนุน OR อย่างต่อเนื่อง
“เราเชื่อมั่นว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะเวลาอันเหมาะสมที่ OR พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากจุดแข็ง รากฐานทางธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโตอันแข็งแกร่งของ OR เพื่อก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง กับแนวคิดธุรกิจ “Retailing Beyond Fuel” วันนี้ เราพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมเป็นเจ้าของและต่อยอดสู่การเติบโตที่ไกลกว่าเดิม” นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวอย่างเชื่อมั่น
การจองหุ้น
- จัดสรรแบบวิธี Small Lot First - เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยเข้ามาเป็นเจ้าของอย่างทั่วถึง
- กำหนดช่วงราคาเสนอขาย 16.00 – 18.00 บาทต่อหุ้น
- ซึ่งผู้จองซื้อรายย่อย สามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย ที่สำนักงานใหญ่และทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 มกราคม 2564 – เวลา 12:00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564
https://www.thunkhaotoday.com/news/investing/274/ - สัดส่วนการเสนอขายหุ้น IPO ขายให้ต่างชาติ 17% นักลงทุนในไทย 83%
- เตรียมนำหุ้น OR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกภายในต้นเดือน กุมพันธ์ 2564
- สำหรับผู้ถือหุ้น ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น สามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 25-28 มกราคม 2564
อนาคต "OR" ใน 5 ปีข้างหน้า 2564 - 2568
แผนการเดินงาน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทกำหนดงบลงทุนที่ระดับ 74,600 ล้านบาท เพื่อรองรับ
- ธุรกิจสถานีน้ำมันสัดส่วนราว 34%
- ธุรกิจ Non-Oil ราว 28%
- ธุรกิจต่างประเทศราว 21%
- รองรับการขยายธุรกิจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสธุรกิจใหม่อีก 15%
ธุรกิจน้ำมัน - เน้นการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี
- ขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มเป็น 2,500 สาขาในปี 2568 หรือปีละ 100 แห่ง (จากปัจจุบัน 1,968 สาขา)สาขาที่เปิดใหม่ทั้งหมดจะมีสัดส่วนรูปแบบตัวแทนจำหน่ายเป็นเจ้าของและบริหารเอง(DODO) 80% และ บริษัทฯเป็นเจ้าของและบริหารเอง(COCO) 20%
- เปลี่ยนสถานีบริการน้ำมันเป็น Living Community
เน้นการเป็นศูนย์กลางค้าปลีกของชุมชนนั้นๆ สร้างช่องทางจำหน่ายสินค้าของชุมชนที่ OR ไปตั้งอยู่ - มองยานยนต์ไฟฟ้า(EV) เป็นโอกาสใหม่ของ OR
แม้ว่ายอดจดทะเบียนรถ EV แค่ 2% จากรถจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด แต่ระหว่างนี้ได้ติดตั้งสถานีชาร์จไว้แล้วทั้งหมด 25 แห่งทั่วประเทศ และสร้างแอปพลิเคชันรองรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้ว
แอปพลิเคชันนี้จะเก็บข้อมูลผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาวิเคราะห์ความต้องการในอนาคต เมื่อได้ข้อมูลแล้ว OR จะสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมารองรับ ทำให้เกิด Ecosystem ทั้งการผลิตแบตเตอรี่ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตและขายเครื่องชาร์จ(EV Charger) ติดตั้งในสถานีบริการของตัวเอง และเริ่มธุรกิจบริการชาร์จ หรืออื่นๆ ที่ผู้บริโภคอาจต้องการในอนาคต ซึ่งต่อไปมีแผนติดตั้ง EV Charger ในปั๊มที่ตั้งอยู่บนทุกเส้นทางหลักทั่วประเทศไทย - เพิ่มบริการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าภายในศูนย์บริการ FIT Auto
ธุรกิจ Non-Oil และต่างประเทศ - ตัวสร้างการเติบโต(Growth Engine)
เป้าหมายคือจะเพิ่มฐานรายได้และมาร์จิ้นอีก จากขยายสาขาในส่วนของแบรนด์ที่ตัวเองมีอยู่, หาคู่ค้าเพื่อลงทุนสร้างแบรนด์ใหม่, และเข้าซื้อแบรนด์อาหาร เครื่องดื่มอื่นๆ
“ส่วนมาร์จิ้นของธุรกิจ Non-Oil ที่ต้องยอมรับว่าให้ผลตอบแทนสูงกว่าธุรกิจน้ำมันเป็นอย่างมาก จึงทำให้บริษัทมุ่งเน้นสร้างกำไรจากธุรกิจนี้ ดังนั้นเมื่อรวม 2 ธุรกิจแล้ว สัดส่วนการทำกำไรของบริษัทจะมาจากธุรกิจนอนออยล์เป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น” นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร นวัตกรรมและความยั่งยืน OR ให้ความเห็น
- ขยายสาขาคาเฟ่ อเมซอน(Cafe Amazon)เพิ่มอีก 2,100 สาขา
จากปัจจุบัน 3,168 สาขา เน้นขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ นอกสถานีบริการน้ำมัน
เพิ่มสินค้าเบเกอร์รี่ของตนเองในร้านคาเฟ่ อเมซอน ลงทุนทั้งโรงงานผลิตเบเกอร์รี่ ผงผสมเครื่องดื่ม และศูนย์กระจายสินค้าของตัวเอง - ขยายสาขาร้าน เท็กซัส ชิกเก้น(Texas Chicken) 20 แห่งต่อปี
เน้นการขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ - สัญญาร้านค้ากับ 7-Eleven พันธมิตรที่เสริมกัน
ปัจจุบันเป็นสัญญารอบที่ 2 รอบละ 10 ปี เหลืออีก 2 ปีจะครบสัญญา เบื้องต้นพูดคุยรายละเอียด - การซื้อหุ้นของ "พีเบอร์รี่ ไทย" จะช่วยลดต้นทุนในการขยายสาขาคาเฟ่ อเมซอน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ร้านกาแฟทั้งหมด และได้แบรนด์ Pacamara กาแฟสำหรับตลาดนิช(Niche Market) เข้ามาจับกลุ่มที่ไม่ใช้บริการคาเฟ่ อเมซอนด้วย
- พร้อมเริ่มจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระบบชำระเงินออนไลน์ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ร่วมมือกับ Flash Express ให้บริการเดลิเวอรี่ และรองรับคำสั่งซื้ออื่นๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
- มองโอกาสที่จะลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์
ประเด็นการโอนสินทรัพย์จาก PTT เพื่อแยก OR นั้นบริษัทมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ
โดยบริษัทมีการซื้อธุรกิจจาก PTT ด้วยราคาตลาด โดยเป็นราคาที่ผู้ประเมินราคาอิสระ และที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้ประเมินราคา โดยการโอนเกิดขึ้นเมื่อปี 2561 ซึ่งในปีนั้นทาง PTT ก็ได้มีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากส่วนต่างราคาโอนระหว่างราคาตลาด กับราคาทางบัญชี โดย PTT จ่ายภาษีให้กับกระทรวงการคลังในปี 2561 จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท และรายงานงบการเงินของทั้ง 2 บริษัทได้รับการรับรองจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอย่างไม่มีเงื่อนไข
หลังการ IPO มีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผล เพราะ OR มีแผนจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ประกาศจ่ายปันผลงวดสิ้นปีอาจเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม
ตอกย้ำความเป็นหุ้น IPO สุดฮอตแห่งปี 64 คุณค่าที่คู่ควร
สำหรับใครที่สนใจร่วมเติบโตไปด้วยกัน อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม 24 มกราคม 2564 อย่าพลาด!!