สิงคโปร์ใช้ “Concert Economics” ดันเศรษฐกิจ หวังผลไม่ใช่แค่ความบันเทิง

สิงคโปร์กำลังเฉิดฉายในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินระดับ A-list ศิลปินหลายคนวางสิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการออก World Tour ไม่ว่าจะเป็น Coldplay, Ed Sheeran, Bruno Mars, BLACKPINK, และ ตอนนี้เป็นคิวของตัวแม่อย่าง Taylor Swift 

โดยการจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลกแบบนี้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ 

ทำไมต้องเป็นสิงคโปร์ ?

สิงคโปร์เองก็มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุม ทั้งสนามบินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามบินที่ติดอันดับโลกรวมถึงการเดินทางภายในประเทศภายโครงข่ายรถไฟใต้ดินที่ครอบคลุม, สถานที่การจัดงานที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับคนจำนวนมาก, โรงแรมที่พัก, บุคลากร, ระบบดูแลรักษาความปลอดภัย รวมทั้ง เหตุผลสำคัญประการสุดท้ายคือการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยทางคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานได้ให้ทุนสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต "Eras Tour" ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ในสิงคโปร์ด้วย

Yun Liu นักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC แสดงความคิดเห็นว่า "ในอดีตสิงคโปร์ถือเป็นจุดหมายปลายทางสําหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจ แต่ในปัจจุบันดูเหมือนรัฐบาลสิงคโปร์จะวางเป้าหมายให้งานดนตรีระดับโลกขนาดใหญ่เหล่านี้ เป็นแม่เหล็กดึงดูดเงินเข้าสู่ภาคท่องเที่ยวซึ่งมีการคาดการณ์ว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับสิงคโปร์ได้ถึง 10% ของ GDP"

ผลักดันเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

Agoda แพลตฟอร์มการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ในระหว่างเดือนมกราคมที่ Coldplay ได้จัดแสดงคอนเสิร์ต Music of the Spheres World Tour ที่สนามกีฬาแห่งชาติของสิงคโปร์ถึง 6 รอบ บัตรจำนวน 200,000 ใบ ถูกขายเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ได้เกิดกระแสการค้นหาที่พักจํานวนมาก Agoda แสดงข้อมูลที่น่าสนใจว่า นับตั้งแต่  Coldplay เริ่มขายตั๋วชมการแสดงในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว การค้นหาที่พักในสิงคโปร์สูงขึ้น 8.7 เท่า โดยส่วนใหญ่เป็นการค้นหาจากนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ Smith Travel Research ระบุว่า เพียงระยะเวลาไม่นานหลังจากนักร้องสาวประกาศวันคอนเสิร์ตของเธอในสิงคโปร์ การจองโรงแรมในสิงคโปร์ในเดือนมีนาคม 2024 เพิ่มขึ้นถึง 10% และเดือนนี้ตัวเลขการเข้าพักกำลังพุ่งสู่ระดับสูงสุด

ขณะเดียวกันความต้องการตั๋วเครื่องบินสำหรับการบินเข้าสิงคโปร์ก็ทะยานขึ้นเช่นกัน ทั้ง สายการบิน Singapore Airline และ Scoot ได้ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว CNBC ว่า ความต้องการเที่ยวบินไปสิงคโปร์ในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้โดยสารจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่สายการบินเจ็ทสตาร์เอเชียก็ยืนยันเช่นกันว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 20% สําหรับเส้นทางที่เชื่อมต่อจุดหมายปลายทาง เช่น กรุงเทพฯ มะนิลา จาการ์ตา และสิงคโปร์

และในสุดสัปดาห์นี้เอง สิงคโปร์จะ งานคอนเสิร์ตระดับโลกของ Taylor Swift  ป๊อปสตาร์ชื่อดังชาวอเมริกัน ซึ่งคาดการณ์ว่าคอนเสิร์ตของ Taylor Swift จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 350-500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (260.3-371.9 ล้านดอลลาร์) ให้กับภาคท่องเที่ยวของสิงคโปร์ เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะกระจายลงสู่ภาคการท่องเที่ยว ทั้งเม็ดเงินที่ได้รับจากการจัดคอนเสิร์ต การเดินทางที่เพิ่มขึ้น การเช่าโรงแรมที่พัก ค่าใช้จ่ายจากการกินดื่ม และการจับจ่ายใช้สอยที่เกิดขึ้นระหว่างทริป

วิสัยทัศน์ คือ สิ่งสำคัญ

นอกเหนือนี้ การจัดคอนเสิร์ตต่างๆ, งานดนตรีระดับโลก และ งานกีฬาอย่างฟุตบอลแมทช์ต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ F1 ก็ทําให้สิงคโปร์เปล่งประกายในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีเสน่ห์มากขึ้น

การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมกําลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของสิงคโปร์เป็นอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เนื่องจากผู้คนจํานวนมากขึ้นเต็มใจที่จะใช้เงินจำนวนมากขึ้นหรือใช้เวลามากขึ้นในการเข้าร่วม กิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ เพราะจะรู้สึกกว่ากลัวว่า ตนเองอาจจะไม่ได้ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ หากเกิดการแพร่ระบาดของโรคหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกในอนาคต

การวางกลยุทธ์ของสิงคโปร์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเดินเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังผลักดันการใช้พลังของ Soft Power เข้ามามีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โมเดลการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมของสิงคโปร์ในครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย ที่ไทยควรจะถอดบทเรียนนำมาปรับใช้ ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยได้