04 มีนาคม 2567
585
ราคาทองไทย ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ลุ้นแตะ 38,000 บาท
ราคาทองคำในประเทศทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้วในวันนี้ (4 มี.ค.) ราคาทองคำแท่ง ณ เวลา 11.00 น.สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาขายครั้งที่ 2 อยู่ที่ 35,300 บาท ราคาทองรูปพรรณ อยู่ที่ 35,800 บาท เป็นราคาสูงสุดใหม่ หรือสูงเป็นประวัติการณ์
จิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทอง เผยหากเงินบาทไม่แข็งค่า ทองในประเทศแพงกว่านี้ โดยขณะนี้เงินบาทอยู่ที่ 35.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคำช่วงนี้ปรับตัวขึ้นจากการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ทองคำต่างประเทศปรับขึ้นค่อนข้างแรง ทำให้เช้าวันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ทางสมาคมค้าทอง จึงประกาศราคาทองในประเทศปรับขึ้นรวดเดียว 400 บาท และมาวันนี้ (4 มี.ค.) ราคาในประเทศก็ปรับขึ้นอีก 100 บาท แม้ว่าค่าเงินบาทจะค่อนข้างแข็งค่าก็ตาม
“ถ้าเงินบาทไม่แข็ง ทองในประเทศจะขึ้นไปมากกว่านี้ ขณะที่ทองคำต่างประเทศราคาปรับขึ้นไปแตะ 2,080 เหรียญสหรัฐเรียบร้อยแล้ว หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยอีก ราคาทองก็น่าจะขึ้นไปได้อีก
ปีนี้ว่าคาดการณ์ราคาทองคำในประเทศมีแนวต้านที่ 38,000 บาท ขึ้นกับดอกเบี้ยเฟด แต่คาดว่าในการประชุมรอบถัดไป (20 มี.ค.) น่าจะยังไม่ปรับดอกเบี้ย,” คุณจิตติ ระบุ
สถานการณ์ซื้อขายทองคำช่วงนี้ มีทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ต่างจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเวลาทองปรับตัวแพงขึ้น จะมีแรงขายมากกว่าซื้อ ซึ่งคาดว่ารอบนี้นักลงทุนมองว่าราคายังไปต่อได้ จึงซื้อสะสมและถือไว้ก่อน คุณจิตติ กล่าว
ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์นี้มีแนวรับอยู่ที่ 2,060 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,088 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,100 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 35,000 บาท และ 34,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 35,400 บาท และ 35,500 บาท ซึ่งในช่วงสายของวันนี้ทะลุแนวต้านเรียบร้อยแล้ว
สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงการณ์นโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด การเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขตลาดแรงงาน ได้แก่ การจ้างงานสหรัฐ อัตราว่างงาน
สำหรับปัจจัยบวกที่ต้องจับตาได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน - รัสเซีย สงครามอิสราเอล - ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยลบ มีทั้งความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น
ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อราคาทองแท่งปรับขึ้นในรอบนี้ สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากที่สหรัฐได้มีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.โดย ISM ต่ำกว่าคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของม.มิชิแกน ต่ำกว่าคาดเช่นกัน
ส่งผลให้ราคาทองคำ spot พุ่งขึ้นแรงอย่างมาก จึงยิ่งดันให้ราคาทองคำแท่งในประเทศทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time high) ที่ 35,200 บาท จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ spot และปรับสูงขึ้นต่อเนืรองแม้ค่าเงินบาทแข็งค่า
จิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทอง เผยหากเงินบาทไม่แข็งค่า ทองในประเทศแพงกว่านี้ โดยขณะนี้เงินบาทอยู่ที่ 35.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคำช่วงนี้ปรับตัวขึ้นจากการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ทองคำต่างประเทศปรับขึ้นค่อนข้างแรง ทำให้เช้าวันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ทางสมาคมค้าทอง จึงประกาศราคาทองในประเทศปรับขึ้นรวดเดียว 400 บาท และมาวันนี้ (4 มี.ค.) ราคาในประเทศก็ปรับขึ้นอีก 100 บาท แม้ว่าค่าเงินบาทจะค่อนข้างแข็งค่าก็ตาม
“ถ้าเงินบาทไม่แข็ง ทองในประเทศจะขึ้นไปมากกว่านี้ ขณะที่ทองคำต่างประเทศราคาปรับขึ้นไปแตะ 2,080 เหรียญสหรัฐเรียบร้อยแล้ว หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยอีก ราคาทองก็น่าจะขึ้นไปได้อีก
ปีนี้ว่าคาดการณ์ราคาทองคำในประเทศมีแนวต้านที่ 38,000 บาท ขึ้นกับดอกเบี้ยเฟด แต่คาดว่าในการประชุมรอบถัดไป (20 มี.ค.) น่าจะยังไม่ปรับดอกเบี้ย,” คุณจิตติ ระบุ
สถานการณ์ซื้อขายทองคำช่วงนี้ มีทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ต่างจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเวลาทองปรับตัวแพงขึ้น จะมีแรงขายมากกว่าซื้อ ซึ่งคาดว่ารอบนี้นักลงทุนมองว่าราคายังไปต่อได้ จึงซื้อสะสมและถือไว้ก่อน คุณจิตติ กล่าว
ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์นี้มีแนวรับอยู่ที่ 2,060 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,088 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,100 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 35,000 บาท และ 34,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 35,400 บาท และ 35,500 บาท ซึ่งในช่วงสายของวันนี้ทะลุแนวต้านเรียบร้อยแล้ว
สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงการณ์นโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด การเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขตลาดแรงงาน ได้แก่ การจ้างงานสหรัฐ อัตราว่างงาน
สำหรับปัจจัยบวกที่ต้องจับตาได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน - รัสเซีย สงครามอิสราเอล - ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยลบ มีทั้งความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น
ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อราคาทองแท่งปรับขึ้นในรอบนี้ สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ หลังจากที่สหรัฐได้มีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.โดย ISM ต่ำกว่าคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของม.มิชิแกน ต่ำกว่าคาดเช่นกัน
ส่งผลให้ราคาทองคำ spot พุ่งขึ้นแรงอย่างมาก จึงยิ่งดันให้ราคาทองคำแท่งในประเทศทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time high) ที่ 35,200 บาท จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ spot และปรับสูงขึ้นต่อเนืรองแม้ค่าเงินบาทแข็งค่า