บลจ.กสิกรไทยชี้ ! นาทีนี้ต้องลงทุน “อินเดีย”
อินเดียประเทศที่คาดว่าเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก เป็นตลาดที่น่าจับตามากที่สุดในปี 2567 โดยคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไว้ที่ 7.6% ซึ่งการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้จ่ายภายการบริโภคภายในประเทศ ประเทศจากจำนวนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน
นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เผยตลาดอินเดียมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากหลายปัจจัย เช่น ด้านโครงสร้างประชากร ตลาดแรงงานที่เติบโตได้ดี การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ล่าสุดที่เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย ชื่อว่า กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ “KINDIARMF” โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 12 - 18 มี.ค. 67
กองทุน KINDIARMF มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Goldman Sachs India Equity Portfolio Class I Shares (Acc.) รับประกันผลการดำเนินงานของกองทุนด้วย Morningstar Overall Rating 4 ดาว
กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี และเติบโตสูง ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่เลือกลงทุน เช่น ICICI Bank ธนาคารเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย, Infosys บริษัทผู้ให้บริการด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย, Tata Motors ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอินเดีย และ Sun Pharma บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นต้น
โดยเน้นเข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แบ่งสัดส่วนเป็นหุ้นขนาดเล็กและกลาง 48% และหุ้นขนาดใหญ่ 47% เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 66)
“อินเดียเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก โดยคาดการณ์ GDP ปี 67 ไว้ที่ 7.6% ซึ่งการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้จ่ายภายในประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ “Atmanirbhar Bharatหรือ อินเดียที่พึ่งพาตนเอง” นายวจนะ ระบุ
ประกอบกับ อินเดียมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินลงมาอย่างต่อเนื่องและมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากรเป็นอย่างมาก โดยอยู่ในวัยทำงานมากถึง 68% จึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกมากในอนาคต
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดหุ้นอินเดียมีระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ค่อนข้างสูง แต่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงขยายตัวได้ดี
ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีได้ในระดับที่น่าสนใจ” นายวจนะ กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้มีกองทุนหุ้นอินเดียเป็นหนึ่งในกองทุนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core Portfolio) ในสัดส่วนประมาณ 4%