KTAM มองบวก ! แนะจัดพอร์ตลงทุนเหมาะสม สร้างกำไรการลงทุนปี 67
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) มองบวกสถานการณ์การลงทุนยังคงมีโอกาสเติบโต ถึงแม้มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ถ้ามีการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมทั้งตราสารหนี้, หุ้น, และสินทรัพย์ทางเลือก มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนในปีนี้ได้
โดยในปี 2567 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นจากหลายๆ ปัจจัย อาทิเช่น อัตราดอกเบี้ย, สงคราม, รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมืองและนโยบายจากการเลือกตั้งในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลต่อสินทรัพย์แต่ละชนิดแตกต่างกัน ดังนั้นการจัดพอร์ตต้องเน้นความสมดุลมากขึ้นระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้ และหุ้น ทั่งนี้นักลงทุนต้องจับโอกาสและติดตามปัจจัยที่ต้องคอยจับตาในแต่ละสินทรัพย์ดังนี้
▪️ ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก
• ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก ปรับตัวดีขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา จากความหวังต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่ความหวังดังกล่าวอาจจะมากเกินไป ทำให้ตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้นในระยะสั้น ขณะที่ในปัจจุบันต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงยังค่อนข้างสูง จึงทำให้ผลตอบแทนในรูปเงินบาทอาจไม่ได้น่าจูงใจเหมือนดอกเบี้ยในรูปสกุลเงินต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางสำคัญ ๆ ของโลกเริ่มส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยอาจกลับมาเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ
• ตลาดตราสารหนี้ไทย ปรับตัวดีขึ้นเป็นไปตามทิศทางตราสารหนี้ทั่วโลกเช่นกัน รวมถึงแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก อาจทำให้ตราสารหนี้ไทยมีความน่าสนใจน้อยลง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หุ้นกู้ภาคเอกชนที่ผิดนัดชำระหนี้ยังต้องติดตาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลกระทบเฉพาะบริษัทเท่านั้น เนื่องจากหุ้นกู้ที่มีเครดิตเรตติ้งที่ดี ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอยู่
KTAM จึงได้แนะนำกองทุน KTAM Krung Thai Short Term Fixed Income Plus Fund (KTSTPLUS) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก with investment grade credit rating โดยเฉลี่ยอายุตราสารหนี้ไม่เกิน 1 ปี
▪️ กองทุนหุ้น
• ตลาดหุ้นต่างประเทศ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลง (Soft Landing) และไม่น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มลดลง น่าจะมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี แต่คาดว่าตลาดการเงินยังน่าจะมีความผันผวนอยู่ จึงเน้นการลงทุนที่เห็นผลตอบแทนเติบโตชัดเจน เช่น กองทุนหุ้นเวียดนาม เนื่องจาก GDP Growth ที่ค่อนข้างสูง และมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง มีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปบางส่วนแล้ว จึงแนะนำ กองทุน KTAM Vietnam Equity (KT-VIETNAM)
• ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในปี 2023 จากปัจจัยเฉพาะตัวจากเรื่องการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ช้ากว่าที่คาด และงบประมาณประจำปีที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดปรับตัวลดลงมากทำให้ Valuation เริ่มน่าสนใจ และมี Downside Risk ที่ต่ำ
จึงมองว่าเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อรับอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นในอนาคต จึงแนะนำ Krung Thai High Dividend Equity (KT-HiDiv) เน้นลงทุนหุ้ตที่มีปัจจัยพื้นฐานผลการดำเนินงานที่ดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ และอีกกองทุนคือ Krung Thai Mid-Small Cap equity Fund (KTMSEQ) ห้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูง
▪️ สินทรัพย์ทางเลือก
แนะนำการลงทุนใน Real Estate Investment Trust (REIT) มีความน่าสนใจมากขึ้น จากวัฏจักรดอกเบี้ยที่ผ่านพ้นจุดสูงไปแล้ว และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ถึงแม้ความผันผวนทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ประเภทนี้บ้าง อีกทั้ง สภาพคล่องของสินทรัพย์นี้ในประเทศก็อยู่ในระดับต่ำ แต่เงินปันผลจากการลงทุนใน REIT อยู่ในระดับสูงที่น่าสนใจ
บลจ.กรุงไทย แนะนำกองทุน KTAM World Property Fund (KT-Property) กองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Global Property Equities Fund (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในในกลุ่มอุตสาหกรรมการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เป็นการกระจายการลงทุนในพื้นที่ที่มีการเติบโตสูง