01 กุมภาพันธ์ 2564
13,305

หุ้น 6 สไตล์ กับ ที่สุดของโลก “ปีเตอร์ ลินช์”

หุ้น 6 สไตล์ กับ ที่สุดของโลก “ปีเตอร์ ลินช์”

Written by ณัฐกา เอ็นโดะ

Highlight

หนึ่งในผู้จัดการกองทุน เน้นคุณค่าที่เก่งที่สุดในโลกอย่างปีเตอร์ ลินช์ (Peter Lynch) สร้างผลงานสุดประทับใจและถือเป็นตำนานใน Wall Street เลยก็ว่าได้

ลองนึกภาพ กองทุนของปีเตอร์ ลินช์ ทำให้เงิน 1 ล้านบาท กลายเป็น 27.9 ล้านบาท ได้ภายในเวลาแค่ 13 ปี 

ทันข่าว Today ชวนมาดูแนวคิด สไตล์การคัดหุ้น 6 แบบของ  ปีเตอร์ ลินช์ กัน 

▪️ หุ้นโตช้า (Slow Growers)  - กิจการขนาดใหญ่ ธุรกิจค่อนข้างอิ่มตัว ปันผลดี สม่ำเสมอ แต่ราคาไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่

▪️ หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts) -  กิจการขนาดใหญ่ ธุรกิจเติบโตเรื่อยๆ ไม่หวือหวา เป็นหุ้นที่ปลอดภัยอยู่รอดได้ แม้เกิดวิกฤต

▪️ หุ้นเติบโต (Fast Growers) - กิจการขนาดเล็ก อยู่ในช่วงขยายธุรกิจ มี Story ในการเติบโต มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาไม่นาน

▪️ หุ้นวัฏจักร (Cyclical) - กิจการขายสินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินค้าเกษตร มีรายได้เป็นฤดู กำไรขึ้นลงตามรอบราคาหรือ รอบเศรษฐกิจ 

▪️ หุ้นฟื้นตัว (Turnaround) - กิจการเคยแย่หรือขาดทุนมาก่อน กำลังมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน เป็นจุดเปลี่ยนพลิกพร้อมความเสี่ยง 

▪️ หุ้นสินทรัพย์มาก (Asset Play) - กิจการที่มีสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน เงินสด หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังไม่รับรู้มูลค่าเต็มที่ซ่อนอยู่ในงบดุล

ปีเตอร์ ลินช์ ลงทุนในหุ้น 6 ประเภทนี้ เพื่อสร้างสมดุลให้พอร์ต จัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ยังให้ผลตอบแทนดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่อยากให้เข้าใจไว้สักนิดว่า แม้จะเป็นหุ้นตัวเดียวกัน แต่ว่าการจัดเข้ากลุ่มของนักลงทุนแต่ละคนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันแล้วแต่ความเข้าใจและมุมมองอนาคตที่มีต่อหุ้นตัวนั้น

เรามาเจาะลึกถึงที่มากัน ...​

หุ้นโตช้า (Slow Growers)

▪️ หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ธุรกิจเติบโตช้า 

▪️ รายได้คงที่หรือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ ราคาหุ้น หรือ Capital Gain ไม่ได้มีการเปลี่ยนเเปลงสูง

▪️ ข้อดีของหุ้นกลุ่มนี้คือจ่ายเงินปันผล บางครั้งสูงถึง 7-10% หุ้นประเภทนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ได้หวังกำไรจากผลต่างของราคา หรือรับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก

หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts)

▪️ หุ้นขนาดใหญ่ พื้นฐานแข็งแกร่ง ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

▪️ แม้จะไม่หวือหวามากนัก แต่ก็เป็นกิจการที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในสายตาของคนทั่วไป

▪️ หุ้นกลุ่มนี้จัดได้ว่าเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก 

▪️ แม้จะเกิดวิกฤตเศรฐกิจขึ้น แต่หุ้นกลุ่มนี้ก็สามารถฟื้นกลับมาได้เร็ว

หุ้นเติบโต (Fast Growers)

▪️ หุ้นกลุ่มนี้อาจจะไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่ แต่พื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโตปีละ 15-20% เป็นอย่างต่ำ 

▪️ การเติบโตมาจากยอดขายและกำไรเป็นหลัก ซึ่งเกิดจากเพิ่ม Market Share หรือ ส่วนแบ่งการตลาดของเราให้สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่มาจากการซื้อขายทรัพย์สินของบริษัท หรือที่เรียกกันว่ากำไรพิเศษ 

▪️ ข้อดีหุ้นประเภทนี้ คือ ถ้าเราถือมันไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทยังมีศักยภาพในการทำกำไรในระดับสูง

หุ้นวัฏจักร (Cyclical)

▪️ มักเป็นหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตขึ้นลง ตามปัจจัยที่มีผลต่อกิจการ

▪️ ส่วนใหญ่มักเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ปิโตรเคมี ถ่านหิน สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตร อสังหาริมทรัพย์ 

หุ้นฟื้นตัว (Turnaround)

▪️ มักเป็นธุรกิจที่เคยประสบปัญหาขาดทุนหนัก จนเกือบล้มละลาย ขาดสภาพคล่อง

▪️ หากกิจการจนกลับมาสร้างกำไรได้สำเร็จ ก็จะสร้างผลตอบแทนได้หลายเท่าตัว

หุ้นสินทรัพย์มาก (Asset Play)

▪️ กิจการที่ถือครองทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นในกิจการอื่นๆ 

▪️ เรามีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น เมื่อตลาดรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท แล้วสไตล์ไหนล่ะ ที่เหมาะกับเรา? 

หลากคำตอบ หลายสไตล์ แต่ในภาวะที่อะไรก็ไม่แน่นอน การเลือกผสมผสานปรับสมดุลน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ที่ให้เหมาะสมกับเป้าหมาย และความเสี่ยงของเราเอง

สำหรับใครที่รับการลงทุนบความเสี่ยงได้สูง ก็อาจจะเหมาะกับการลงทุนหุ้นกลุ่ม Fast Growers กลุ่ม Cyclicals และ กลุ่ม Turnarounds เพื่อให้พอร์ตเติบโต

แต่สำหรับใครที่อยากเน้นรักษาเงินต้น การลงทุนหุ้นกลุ่ม Slow Growers กลุ่ม Stalwarts กลุ่ม Asset Plays และมีกลุ่ม Fast Growers ปะปนเข้ามาเล็กน้อย ก็จะช่วยสร้างผลตอบแทนรวมปันผลให้เอาชนะเงินเฟ้อได้

ลองศึกษาให้ดี เพราะคำว่า ไปตายเอาดาบหน้า ไม่ใชหนทางการลงทุนที่ยั่งยืน 

โชคดีกับการลงทุนกันพวกเรา

ติดต่อโฆษณา!