เปิดปมทองแพง แบงก์ชาติทั่วโลกแห่ตุน 2 ปีล่าสุด กว่า 1,000 ตัน
นายกสมาคมค้าทองคำ เผยธนาคารกลางทั่วโลกแห่ตุนทองคำมากขึ้น หนุนราคาทองปีนี้ทะยานไม่หยุด ขณะที่ “ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส” เผย 2 ปีที่ผ่านมาแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกเกิน 1,000 ตันมาต่อเนื่อง คาดปีนี้ยังตุนต่อ
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่าราคาทองคำที่พุ่งขึ้นร้อนแรงต่อเนื่องในปีนี้ มีปัจจัยสำคัญมาจากการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกเข้าซื้อทองคำ เพื่อใช้ทองคำเป็นทุนสำรองกันมากขึ้น
ขณะที่ข้อมูลจาก “ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส” เผยความต้องการทองคำจากธนาคารกลางที่คาดยังแข็งแกร่งในปีนี้ จากกระแส Dedollarization หรือการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ และมีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และหันมาถือทองคำในเงินทุนสำรองมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง โดยซื้อทองคำเกิน 1,000 ตันติดต่อกันมา 2 ปี สูงที่สุดในรอบ 55 ปี และทำให้สัดส่วนความต้องการทองคำจากธนาคารกลางจากเดิมเพียง 8% ในปี 2564 เป็น 23% ในปี 2565 - 2566
ดังนั้น ถือว่าธนาคารกลางมีบทบาทต่อความต้องการทองคำและราคาทองคำอย่างมาก
โดยปีนี้คาดว่าความต้องการของทองคำจากธนาคารกลางยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยเฉพาะจากธนาคารกลางจีนที่มีเงินทุนสำรองมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ถึงแม้ว่าธนาคารกลางจีนได้มีการซื้อทองคำสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนการถือทองคำในเงินทุนสำรองเพียง 4% เท่านั้น
จากข้อมูลของ สภาทองคำโลก (WGC) พบว่าธนาคารชาติจีน เข้าซื้อทองคำสำรองต่อเนื่องมานับตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 มาจนถึงเดือนมี.ค.2567 โดยซื้อติดต่อกันทุกเดือนรวมแล้วเป็นเวลา 17 เดือน จากระดับราคาทองในตอนนั้นที่ยังไม่ถึง 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ มาจนถึงราคาที่ทะลุระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปแล้วในวันนี้
ณ สิ้นปี 2565 จีนมีทองคำสำรองอยู่ประมาณ 2,010 ตัน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,264 ตัน โดยส่วนใหญ่มาจากการซื้อเพิ่มในปีที่แล้ว เพียงปีเดียวถึง 225 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึงราว 1 ใน 4 ของ
ธนาคารกลางทั่วโลกที่ซื้อทอง 1,037 ตันในปี 2566
รอยเตอรส์ระบุว่า ความต้องการทองคําจากธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นเวลาสองปี และอยู่ในเส้นทางที่จะยังคงเป็นผู้ซื้อในปี 2024 ทั้ง ตุรกี อินเดีย คาซัคสถาน และบางประเทศในยุโรปตะวันออกได้ซื้อทองคําในปีนี้พร้อมกับจีน
Yahoo Finance รายงานว่า นายเอ็ดเวิร์ด ยาร์เดนี ประธานบริษัทวิจัย Yardeni วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำ อาจพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2568 หากอัตราเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ภายในสิ้น 2568
ทองคำทำราคาสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 2,354.89/oz เมื่อ 9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา