ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด กนง. ไม่ลดดอกเบี้ย 12 มิ.ย. นี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 12 มิ.ย.67 ที่จะถึงนี้ จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มส่งสัญญาณไม่แตกต่างจากผลการประชุมรอบที่แล้ว
ในการประชุมครั้งก่อนเมื่อ 10 เม.ย. 67 กนง. ส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเพื่อรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy Space) ในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าจึงคงดอกเบี้ยในระดับเดิม
นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า เป็นผลจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน การเข้าสู่สังคมสูงอายุ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
.
ซึ่งนโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพขยายตัวต่ำลง ขณะที่ กนง. มีแนวโน้มให้น้ำหนักต่อเสถียรภาพระบบการเงิน รวมถึงความผันผวนสูงของค่าเงินบาท จากตลาดที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กนง. มีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ไปตลอดทั้งปีนี้ แม้ว่าผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ล่าสุดส่วนใหญ่มองมีโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ โดยเชื่อว่า กนง. คงจะรอให้เฟด ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายก่อน
ทั้งนี้คาดว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว การเบิกจ่ายของภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น การส่งออกมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวตามการค้าโลกจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า
.
ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของไทย มีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายของ กนง. ที่ 1-3% ภายในสิ้นปีนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากราคาพลังงานในตลาดโลก และราคาสินค้าเกษตรในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน แม้แรงกดดันเงินเฟ้อจากอุปสงค์ จะยังอยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ แรงกดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าจากแนวโน้มการคงดอกเบี้ยสูงยาวนานกว่าคาดของเฟด ก็เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้ กนง. มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ไปตลอดทั้งปีนี้
ด้าน Bloomberg รายงานว่า เมื่อ 5 มิ.ย.ว่า ขณะนี้รัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างหารือแนวทางในการควบคุมธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดความขัดแย้งในด้านนโยบายเศรษฐกิจ โดยจะพุ่งเป้าไปที่บทบาทของ “ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย” ซึ่งปัจจุบันมี นายปรเมธี วิมลศิริ ดำรงตำแหน่งอยู่ และจะครบวาระในเดือนก.ย.67
โดยตัวเต็งที่รัฐบาลกำลังพิจารณาเพื่อให้เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวนั้น มี 2 ราย ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีคลัง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นายเศรษฐา รวมถึง ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ อดีตที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน พบว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระในเดือนก.ย. 68 ซึ่งหลังจากนั้นมีการเลือกผู้ว่าฯ คนใหม่