สงครามระอุ หนุนราคาทองแตะ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานบาททองคำละ 300 บาท

สมาคมค้าทองคำ เมื่อเวลา 09.05 น. (4 ต.ค.) ราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 41,550 ขายออกบาททองคำละ 41,650 ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 40,795.56 ขายออกบาททองคำละ 42,150

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ถือเป็นการตอบรับสงครามตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นล่าสุด และหากสงครามยังยืดเยื้อขยายวงกว้าง ในระยะสั้นนี้คาดว่าราคาทองคำโลกจะแกว่งตัวแรงและดันราคาให้สูงขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ของปีที่ระดับ 2,700 - 2,750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือบาทละ 42,250 - 43,000 บาท 

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่ามากสุด 33.19 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากภาวะตึงเครียดสงครามตะวันออกกลาง ทำให้ราคาทองคำแท่งยังคงสดใส และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ

บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือน ต.ค. ว่า มีโอกาสพักตัว โดยให้ระวังแรงขายทำกำไรหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง 

ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง และปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนทองคำ มองกรอบทองคำเดือนนี้ 2,530 – 2,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

นอกจากนี้ตลาดกังวลว่า สหรัฐฯและอิสราเอล จะเอาคืนอิหร่านด้วยการโจมตีคลังน้ำมัน ล่าสุด สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.61 ดอลลาร์ หรือ 5.15% ปิดที่ 73.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.72 ดอลลาร์ หรือ 5.03% ปิดที่ 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล