5 เรื่องต้องรู้ ‼️ ก่อนลงทุนหุ้นปั๊มน้ำมัน
Highlight
ทุกวันนี้ธุรกิจปั๊มน้ำมัน นอกจากการขายน้ำมันแล้ว มักจะมีรายได้อีกส่วนจาก Non-Oil หรือธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน เราจะเห็นปั๊มน้ำมันต่างๆ หันมาโฟกัสกับ Non-Oil กันมากขึ้น
5 เรื่องหลัก ที่ควรต้องรู้ก่อนลงทุน
▪️ ค่าการตลาด
▪️ ความต้องการในการเดินทาง
▪️ รูปแบบสถานี
▪️ การบริหารสต็อกน้ำมัน
▪️ ธุรกิจ Non-oil
5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนคิดจะเริ่ม ลงทุนหุ้นปั๊มน้ำมัน มีรายละเอียดอย่างไร ?
1. ค่าการตลาด
กำไรหลักของธุรกิจนี้มาจากการขายปลีกน้ำมัน สิ่งแรกที่เราควรรู้จักคือ
"ค่าการตลาด" = ส่วนต่างระหว่างราคาขายหน้าปั๊มกับต้นทุนน้ำมัน แปลว่าค่าการตลาดยิ่งสูง กำไรก็จะยิ่งมากตามไปด้วย
2. ความต้องการในการเดินทาง
แนวโน้มการใช้รถ ใช้ถนน คืออีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจปั๊มน้ำมัน เพราะยิ่งคนเดินทางกันเยอะ ก็ย่อมส่งต่อรายได้รวมของบริษัท
3. รูปแบบสถานี COCO หรือ DODO
ในไทยมีรูปแบบการบริหารปั๊มน้ำมันแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
- COCO (Company Owned Company Operated) คือ ปั๊มที่บริษัทเป็นเจ้าของและลงทุนเอง
ข้อดีตรงที่ให้อัตรากำไรที่สูง สามารถควบคุมคุณภาพได้ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยง และใช้เงินลงทุน
- DODO (Dealer Owned Dealer Operated) คือ ปั๊มที่บริษัทขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนมาดูแลบริหาร
ข้อดีตรงที่ขยายสาขาได้ไว บริษัทไม่ต้องลงทุนเอง แต่ก็จะได้รับส่วนแบ่งกำไรที่น้อยลงเช่นกัน
4. การบริหารสต็อกน้ำมัน
การบริหารต้นทุนอย่างสต็อกน้ำมันที่ซื้อมาแต่ละรอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นตัวตัดสินใจธุรกิจว่าจะกำไรหรือขาดทุนได้เลย
5. ธุรกิจ Non-oil ที่สร้างความแตกต่าง
ทุกวันนี้ธุรกิจปั๊มน้ำมัน มักจะมีรายได้อีกส่วนจาก Non-Oil หรือธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มินิมาร์ท ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ เป็นต้น
ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงแค่แบรนด์ แต่ได้ประโยชน์ในมุมของอัตรากำไรด้วย ที่สูงกว่า มาร์จินการขายน้ำมัน เราจะเห็นปั๊มน้ำมันต่างๆ หันมาโฟกัสกับ Non-Oil กันมากขึ้น
4 ธุรกิจ Non-oil ยอดนิยม
1. ร้านกาแฟ
2. ร้านสะดวกซื้อ ค้าปลีก
3. ศูนย์บริการรถยนต์
4. ธุรกิจอาหาร
▪️ OR ถือว่าทิ้งห่างอยู่พอสมควร กับแบรนด์ที่เป็นที่นิยม เช่น
Cafe Amazon ที่ถือเป็นแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ของไทย Texas Chicken, Daddy Dough ,Hua Seng Hong Dimsum,Pearly Tea รวมถึงร้านสะดวกซื้อ Jiffy รวมถึง เซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) ที่ผูกสัญญากันในระยะยาว
▪️ PTG สำหรับธุรกิจ Non-oil ในมือตอนนี้ เช่น ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และศูนย์บริการซ่อมบำรุง Autobacs
▪️ BCP โดยเน้นใน 3 ธุรกิจหลัก ซูเปอร์มาร์เก็ต, กาแฟ และอาหาร ซึ่งมีตัวชูโรงอย่าง ร้านกาแฟอินทนิล "Inthanin"และร่วมมือกับ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เปิดร้านสะดวกซื้อ "มินิบิ๊กซี" ในสถานีบริการน้ำมันของบางจาก
▪️ ESSO โดยมีพันธมิตรที่สำคัญ Starbucks, KFC, Kerry,Tesco Lotus Express , Burger King, McDonald's, Rabika Coffee,Coffee Boy ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจ non-oil ด้วยตัวเอง แต่จะใช้กลยุทธ์ขยายร่วมกับพันธมิตรเป็นหลัก เพราะพันธมิตรมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
▪️ SUSCO ได้สิทธิในการเปิดร้านสะดวกซื้อ LAWSON 108 และ บางส่วนเป็นแฟมิลี่มาร์ท ส่วนร้านกาแฟมี 'ชาวดอย'
ปิดท้ายกันด้วยบรรทัดสุดท้าย งบการเงินที่บอกได้ดีที่สุดว่าธุรกิจเป็นอย่างไร
มาดูผลประกอบการสิ้นปี 63
แต่ภาพในอนาคตว่าใครจะสามารถชิงการเติบโต และปรับตัวได้ดีกว่ากัน คงต้องมาดูกัน