5 คำตอบ การลงทุน ”พลังงานสะอาด”ใน”จีน” คือ เมกะเทรนด์ที่ “ใช่” ในเวลานี้
Written by ทันข่าวToday
Highlight
5 คำตอบว่าทำไม
ธีมการลงทุนในพลังงานสะอาดในจีน
คือ เมกะเทรนด์ที่ “ใช่” ในเวลานี้
1. ธีมการลงทุนในพลังงานสะอาดเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก
และถ้าประเทศไหนที่มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดที่สูงที่สุดในโลก จากธีมลงนี้?
คำตอบ ก็คือ “ประเทศจีน” ...เพราะอะไร หลายคนอาจสงสัย ?
2 ปัจจัยหลัก
1. คือ การได้รับแรงสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาลจีน
จากผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงจังของรัฐบาลจีน ที่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ในแผนนโยบาย 5 ปี ฉบับที่แล้วได้สำเร็จ (National Five-Year Plan 2016-2020) เช่น
▪️ การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน
▪️ การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน มีปริมาณการใช้พลังงานลดลง เป็นต้น
ยกตัวอย่างว่า
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบประมาณ 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าสร้างโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลมขนาด 1200 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 (เทียบเท่ากำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งระบบของสหรัฐอเมริกา)
2. คือ ภาคธุรกิจของจีนมีศักยภาพเติบโตสูง
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำในการด้านการผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ คิดเป็นสัดส่วน 72% ของโลก และยังเป็นผู้ผลิตพลังงานจากกังหันลม 50% ของโลก
นอกจากนี้ยังมีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลน้ำเสีย ที่คาดว่าจะเติบโต 8.9-14.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021-2025
ขณะที่ด้านธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนก็ถือว่าเป็นต้นน้ำของชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมกว่า 77% ของโลก และจีนยังเป็นแหล่งแร่ Rare กว่า 50% ของโลก
2. 2 ธีมลงทุนโดดเด่นในตลาดจีน คืออะไร
1. พลังงานทางเลือก
เพราะสามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ลดมลภาวะได้เป็นอย่างดี
รัฐบาลจีนกำหนดนโยบายที่ชัดเจนว่า ภายในปี 2030 พลังงานไฟฟ้าต้องมาจากพลังงานทางเลือก 40% ซึ่งพลังงานที่น่าจับตา ก็คือ
▪️ พลังงานจากโซล่าเซลล์
▪️ พลังงานลม
ที่รัฐบาลจีนปักธงว่าจะเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 1,500 กิกะวัตต์ (เทียบกับประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าของประเทศไทย)
2. ยานยนต์ไฟฟ้า
ประเทศจีนถือว่าเป็นต้นน้ำของชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงปลายน้ำ เรียกว่าทั้งระบบ Ecosystem
จีน เรียกได้ว่าทะลายข้อจำกัดของรถ EV ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ซึ่งจีนผูกขาดตลาดอยู่แล้ว
3. “จีน” กลายเป็นผู้กำหนดมาตรฐานโลกของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
4. กองทุนที่เน้นลงทุนเทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศจีน กองทุนไหนที่น่าสนใจ ?
กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ หรือ P-CGREEN น่าสนใจในเวลานี้ ด้วยจุดเด่น ที่เน้นลงทุนเทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของรัฐบาลจีน เช่น บริษัท แบตเตอรี่ CATL ที่เรียกได้ว่า ผูกขาดตลาดของลิเธียมไอออน
และส่วนแบ่งการตลาดของรถ EV จีนครองสัดส่วนกว่า 41% สูงที่สุดของโลก !!
ในปี 2564 คาดว่า อัตราการเติบโตของ EV ที่ประเทศจีน จะเติบโตถึง 51%
เพราะ ประเทศจีนผูกขาดตลาดแบตเตอรี่อย่างชัดเจน ในขณะที่นโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ถือว่าเป็นจุดน่าสนใจของกองทุน P-CGREEN
5. Key Succuess ของกองทุน P-CGREEN คืออะไร ?
กองทุน P-CGREEN เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเพียงกองเดียวไม่น้อยกว่า 80% คือ KraneShares MSCI China Environment ETF (KGRN) ที่อ้างอิงดัชนี MSCI China IMI Environment 10/40 Index ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดัชนีและการวิจัย ESG ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินทรัพย์อ้างอิงรวมกว่า 108 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย KraneShares เป็นพาร์ทเนอร์กับ CICC ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการเงินของประเทศจีนที่เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย
สำหรับ KGRN เป็นอีทีเอฟเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งหมดในประเทศจีน ภายใต้ 5 ธีมการลงทุนหลัก คือ พลังงานทางเลือก อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การป้องกันมลพิษ และอาคารสีเขียว โดยลงทุนทั้ง Value Chain คือลงทุนทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจที่สนับสนุนสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัวอีกด้วย โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 134.94% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564)
เวลานี้ หากโลกต้องการผลิตรถ EV หรือ Solar Cell ก็ต้องซื้อจากประเทศจีน !!
สำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง ธีมการลงทุนนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี ที่จะเข้าลงทุน
กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ หรือ P-CGREEN ทั้งนี้ จะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 16-26 เม.ย.64 โดยลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
==============