จัดพอร์ตลงทุนแบบไหนดี? เมื่อโลกเริ่ม Re-Opening คลายล็อกโควิด-19
Highlight
การฉีดวัคซีนโควิด-19 เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” หลายประเทศทั่วโลกเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ถึงเวลาแล้ว เตรียมจัดพอร์ตการลงทุนรับการ Re-Opening หลังคลายล็อกโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย , สินค้าจำเป็น และธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึง Green Technology ก็จัดเก็บไว้ในพอร์ตได้
เมื่อหลายประเทศทั่วโลก มีการปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกเหนือจาก “สุขภาพที่ดี” เป้าหมายสำคัญคือการเดินหน้าไปสู่การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ
ล่าสุด สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ออกมาแนะนำว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ประตูแห่งการลงทุนกำลังจะเปิดกว้างอีกครั้ง ดังนั้น การจัดพอร์ตลงทุนที่น่าสนใจ รับการ Re-Opening เมื่อหลายประเทศทั่วโลก คลายล็อกโควิด-19 จะเป็นแบบไหน ไปติดตามกันเลย
ปัจจัยบวกและโอกาสลงทุนของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ปี 2564 (ครึ่งปีหลัง)
- การฉีดวัคซีนโควิด-19 เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่”
- IMF ปรับคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ดีขึ้น
- หลายประเทศคลายล็อกดาวน์จากโควิด-19
จัดพอร์ตกองทุนรวมอย่างไร เพื่อรับโอกาส Re-Opening ทั่วโลก
- กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และสินค้าจำเป็น
หลายประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกนำมาใช้หลังจากที่ Re-Opening
- กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ด้วยมาตรการที่รัฐบาลอาจจะกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว เช่น มาตรการ Travel Bubble หรือ Vaccine Tourism
ย้ำ! อย่ากระจุกการลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง
การลงทุนไม่ควรกระจุกตัวอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ควรกระจายการลงทุนไปทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้า , เร็ว และจังหวะที่ต่างกัน ปัจจัยนี้อาจทำให้ตลาดมีความผันผวน ซึ่งการกระจายพอร์ตทำให้รับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น
กองทุนแนะนำมีอะไรบ้าง ? ในปี 2564 ช่วงครึ่งปีหลัง
- KFGBRAND-A
- T-PREMIUM BRAND
2 กองทุนนี้ เน้นเรื่องการอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก หยุดชะงักไปช่วงล็อกดาวน์ เมื่อ Re-Opening แล้ว ทำให้ความต้องการไหลกลับเข้ามา พร้อมกับมาตรการกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงเป็นกองที่น่าจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เก็บไว้ใน Portfolio ได้
ระมัดระวังความเสี่ยงอะไรบ้าง ?
- การกระจายวัคซีนโควิด-19
- วัคซีนโควิด-19 อาจมีประสิทธิภาพลดลงในการต้านชนิดกลายพันธุ์
2 ปัจจัยนี้ ส่งผลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้การ Re-Opening ล่าช้า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะสะดุดได้ เป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้น เหมาะในการจัดเก็บเข้าพอร์ตตอนนี้หรือไม่ ?
ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว คิดว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังน่าสนใจ เพราะปีที่แล้วหุ้นกลุ่มนี้ราคาขึ้นมาสูง แต่ในปีนี้มีการชะลอตัวลง เพื่อดูสถานการณ์ของผลประกอบการว่าจะออกมาดีอย่างที่คาดไว้หรือไม่ เพราะฉะนั้นในเรื่องของความผันผวนในกลุ่มเทคโนโลยีหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีความผันผวนค่อนข้างแรง แต่นักลงทุนสามารถจัด Portfolio ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
นักลงทุนที่สนใจเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีอย่างเดียว จะมีคำแนะนำอย่างไร ?
1. หากใน Portfolio มีกลุ่มเทคโนโลยีมากเกินไป แนะนำให้ปรับลดลงในสัดส่วนที่คิดว่ารับมือได้
2. กลุ่มเทคโนโลยีมีหลายอุตสาหกรรม แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
3. เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นนโยบายรัฐบาลแต่ละประเทศทั่วโลก เช่น เทคโนโลยีที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยเป็นนโยบายหลักของสหรัฐฯ และจีน กลุ่มเทคโนโลยีที่เน้นมาตรการ Go Green ลดภาวะโลกร้อน
แนะนำ 2 กลุ่มหลัก ที่มีอยู่ใน Portfolio และถือต่อไปได้ คือ กลุ่มที่เป็น Big Technology และกลุ่ม Technology ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
กลุ่ม Green Technology ที่น่าสนใจ
กลุ่ม Green Technology เป็นการลงทุนระยะยาว นักลงทุนสามารถเก็บสะสมไว้ในพอร์ตได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ตอนนี้ที่ปรับตัวลดลงมา บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป มีกองทุน P-CGreen ในจีน ราคาปรับตัวลงมาตามตลาดหุ้นจีน
ทำไมจึงเหมาะเก็บไว้ในพอร์ต :
1. ลงทุนในพลังงานสะอาด
2. ราคาปรับลง
3. กลุ่ม Renewable Energy (พลังงานทดแทน) ยังสามารถลงทุนได้ ขึ้นอยู่กับการจัดพอร์ตของนักลงทุน
ถ้าไม่มีทั้งเวลา และไม่กล้าตัดสินใจ ทำอย่างไรดี ?
นักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป จะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลจัดสรรพอร์ตให้ได้ ซึ่งผู้จัดการกองทุนทำงานร่วมกับนักวิเคราะห์ ในการปรึกษาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน รวมถึงบริการจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ ซึ่งคอยตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน