อยากลงทุน DeFi ระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง ต้องเริ่มยังไง ?
DeFi คืออะไร ?
“DeFi” ย่อมาจาก Decentralized Finance แปลว่า ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางเป็นบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์บนระบบบล็อกเชน (Blockchain) ให้ผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมต่าง ๆ สามารถมาเจอกันได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคาร ทำให้มีค่าธรรมเนียมโดยรวมที่ถูกกว่า และควบคุมการดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดผ่านสัญญาอัจริยะ ด้วยคำสั่งอัตโนมัติของ Smart Contract ซึ่งเป็นชุดของโค้ดคอมพิวเตอร์ ทำให้ DeFi มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย รวมถึง มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าธนาคาร หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ
สำหรับสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนกันในระบบ DeFi คือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่มีการเข้ารหัสไว้ เพื่อป้องกันและยืนยันการทำธุรกรรม บนระบบ บล็อกเชน (Blockchain)
จากรูปคือ Ecosystem ของ Defi จะประกอบด้วยหลายส่วนมาก
มาดูกันว่า 5 ข้อต้องรู้ก่อนลงทุน DeFi ? ต้องรู้อะไรบ้าง ?
1. รู้จักกระดานแลกเปลี่ยน (Cryptocurrency Exchange) ทั้งในและต่างประเทศ
การซื้อคริปโทเคอร์เรนซีนั้น ต้องเข้าไปที่ตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency Exchange) เพื่อแลกเปลี่ยนเงินบาท เป็นคริปโทเคอร์เรนซี โดยในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจ 8 แห่งด้วยกัน ที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. ได้แก่ BITKUB, BX *, Satang Pro, Huobi, ERX, Zipmex, Upbit และ Z.comEX (ข้อมูลจาก ก.ล.ต.)
แต่ DeFi ส่วนใหญ่อาจไม่ได้ List ในไทย ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ อาจต้องมอง Exchange แพลตฟอร์มอื่นด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
2. รู้จักวิธีเก็บ Cryptocurrency ใน Wallet แต่ละแบบ
การลงทุน DeFi นั้นเราจะต้องใช้ Wallet ของตัวเอง ซึ่งอาจจะใช้งานยากกว่าการที่เราซื้อขายใน Cryptocurrency exchange เพราะเราต้องดูแลรับผิดชอบด้วยตัวเอง ถ้ารักษาไม่ดีก็อาจโดนแฮคเกอร์ขโมยได้
กระเป๋าคริปโท มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Hot Wallet และ Cold Wallet
1. Hot Wallet คือ กระเป๋าที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ใช้งานได้อย่างสะดวก เหมาะกับการใช้งานประจำวัน แต่มีความเสี่ยงต่อการถูก Hack เพราะมีช่องโหว่จากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เหมาะกับผู้ที่ต้องการนำคริปโทมาใช้หรือเทรด
2. Cold Wallet มีความปลอดภัยกว่า Hot Wallet เพราะไม่ใช่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จึงไม่เสี่ยงต่อการ Hack แต่การใช้งานยุ่งยากกว่า เพราะต้องรับผิดชอบ Private Key เอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการเก็บคริปโทไว้ระยะยาว
3. รู้จักการทำงานของ Coins & Stablecoins
ใน DeFi นั้นเราอาจจะเห็นผลตอบแทนที่สูงของเหรียญ (Coins) ต่างๆ ซึ่งก็มีโอกาสผันผวนได้สูง เช่นกัน หากเราไม่ได้ศึกษาเหรียญเหล่านั้นและยังมือใหม่ ก็ควรเริ่มใช้ Stablecoins ในการลงทุนแทนก่อน ซึ่งมันมีเหรียญมากมายให้เลือก เช่น Dai, USDT, USDC, BUSD โดยแต่ละเหรียญก็มีวิธีการทำงานและความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน ต้องศึกษาการทำงานของแต่ละเหรียญให้เข้าใจก่อน
4. รู้ความเสี่ยงของ Smart Contract
Smart Contract คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่บันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย ซึ่งถูกเก็บไว้ในรูปของบล็อคเชนอีเธอเรียม แตกต่างจากสัญญาทั่ว ๆ ไป ตรงที่สามารถดำเนินการหรือยืนยันข้อตกลงต่าง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
ถึงแม้ว่า DeFi จะเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดได้ในระบบ Smart Contract เพียงแต่มีโอกาสผิดพลาดน้อยมาก ๆ อย่างเช่นกรณีศึกษา “Balancer” ที่ถูกแฮกเกอร์โจมตีด้วยช่องโหว่ และขโมยเงินไป 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15 ล้านบาท ดังนั้น เราควรศึกษาระบบให้ดีก่อน และลงทุนอย่างระมัดระวัง
5. รู้วิธีคำนวณค่าธรรมเนียม
ในการลงทุน DeFi นั่น ไม่ว่าจะธุรกรรมใด ๆ จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนทุกครั้ง ในคำสั่งที่เป็น contract หากไม่คำนวณค่าธรรมเนียมให้ดี อาจไม่คุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ลงทุนไป เช่น ผู้ที่ฝากถอนบ่อย ๆ หรือลงทุนน้อย เมื่อต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหลาย ๆ ครั้งเข้า อาจไม่คุ้มทุน
อ้างอิงข้อมูลจาก : ก.ล.ต., bitcoinaddict.org, StakingRewards