ประกันชีวิตมีกี่ประเภท ?
Highlight
ประกันชีวิตแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1. แบบชั่วระยะเวลา (Term) , 2. แบบตลอดชีพ (Whole Life) , 3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment) , 4. แบบประกันบำนาญ (Annuity) และ 5. แบบประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked)
ประกันชีวิตมีกี่ประเภท
เรื่องโดย : พัชภัคกร สุรรัตน์ นักวางแผนการเงิน FChFP
1. แบบชั่วระยะเวลา (Term)
ประกันชีวิตแบบนี้จะมีระยะเวลาค่อนข้างสั้น เบี้ยประกันถูกมาก มีความคุ้มครองชีวิตสูง ไม่มีเงินคืนใด ๆ ทั้งระหว่างทาง และเมื่อครบสัญญา เช่น ชำระเบี้ย 5 ปี คุ้มครอง 5 ปี เป็นต้น
เหมาะกับ :
• ผู้ที่ชีวิตมีความเสี่ยงมากขึ้นในบางช่วง และต้องการเพิ่มความคุ้มครองชีวิตในระยะเวลานั้น
2. แบบตลอดชีพ (Whole Life)
แบบนี้จะให้ทุนประกันชีวิตที่สูงรองลงมาจากแบบชั่วระยะเวลา มีความคุ้มครองนานจนถึงอายุ 90 หรือ
99 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละแบบประกัน ตั้งแต่ 5-20 ปี ให้เราได้เลือกตามความเหมาะสม มีมูลค่าเงินสด (Cash Value : CV) ที่เราสามารถได้รับคืน กรณีเวนคืนกรมธรรม์
เหมาะกับ :
• ผู้ที่ต้องการคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของครอบครัว กรณีที่เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร
• ผู้ที่มีหนี้สิน แต่ไม่ต้องการให้ตกไปเป็นภาระของครอบครัวหลังจากเสียชีวิต
• เจ้าของกิจการที่ต้องการวางแผนส่งมอบธุรกิจ
3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment)
แบบประกันนี้มีระยะเวลาชำระเบี้ยและอายุสัญญาที่แน่นอน เช่น ชำระเบี้ย 15 ปี อายุสัญญา 25 ปี เป็นต้น มีเงินคืนทั้งระหว่างทางและเมื่อครบสัญญา ถือเป็นเครื่องมือออมเงินที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดเพราะจำนวนเงินที่เราจะได้รับทั้งหมดถูกระบุไว้ในสัญญาชัดเจน แต่กำไรที่ได้รับ อาจน้อยกว่าการลงทุนในหลายประเภท
เหมาะกับ :
• ผู้ที่ต้องการออมเงินแต่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้
• การใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
• ผู้ที่ต้องการสร้างวินัยในการออม
4. แบบประกันบำนาญ (Annuity)
ประกันชีวิตแบบบำนาญจะมีระยะเวลาชำระเบี้ยถึงอายุ 55-65 ปี แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเแบบ หลังจากนั้นจะรับเงินคืนเป็นงวด ๆ คล้ายกับการเป็นบำนาญในช่วงเกษียณ หากเสียชีวิตก่อนรับเงินครบ ผู้รับประโยชน์ก็จะได้จำนวนเงินที่ยังรับไม่ครบ มาคิดลดด้วยอัตราดอกเบี้ยของแบบประกันฉบับนั้น
เหมาะกับ :
• การออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ
• การใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
5. แบบประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked)
เป็นแบบที่มีทั้งความคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนจากการลงทุน เบี้ยประกันจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของความคุ้มครองและส่วนที่นำไปลงทุน บริษัทประกันจะคัดเลือกกองทุนที่พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมมาให้เราเลือกตามที่เราต้องการ ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำจนถึงความเสี่ยงสูง จำนวนเงินของเราจะเคลื่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการของกองทุน บางบริษัทมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงของการลงทุนให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ เราสามารถถอนเงินส่วนที่อยู่ในกองทุนออกมาใช้ได้ ตามเงื่อนไขของแต่ละแบบประกัน
เหมาะกับ :
• ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและออมเงินในเวลาเดียวกัน
• ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุน
ได้
#รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว