ธีมลงทุนต่างประเทศแบบไหน ที่มีโอกาสไปต่อ ?

HighLight

นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บลจ.ฟิลลิป มองว่า พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานทางเลือก เป็น Mega Trend ในตอนนี้ และประเทศจีนได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการเติบโตของพลังงานทางเลือก ซึ่ง “กองทุนPWIN กับ กองทุน P-CGREEN” ตอบโจทย์การลงทุนธีมพลังงานสะอาด

ตอนนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจ หรือการดำเนินชีวิต ก็ยากลำบากไปหมด เราอาจต้องสนใจเรื่องการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น เพราะว่าการลงทุนพอจะเป็นช่องทางที่สร้างผลตอบแทน สร้างผลกำไรให้กับการลงทุนของทุกคนได้ ถ้ามีความรู้ความเข้าใจที่มากเพียงพอ

นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บลจ.ฟิลลิป มองว่า ควรกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ดังนั้น #MegaTrendsอะไรที่น่าสนใจบ้าง ? ธีมลงทุนต่างประเทศแบบไหน ที่มีโอกาสไปต่อ ? และทำไมต้องเป็น “กองทุนPWIN กับ กองทุน P-CGREEN” นายติยะชัย ได้มาบอกเล่าผ่าน “ทันข่าว Today” ไปติดตามกันจากบทสัมภาษณ์พิเศษนี้


สถานการณ์ตอนนี้ ควรกระจายการลงทุนไปตลาดหุ้นต่างประเทศ

ปัจจัยเสี่ยงในการลงทุน คือ ตลาดหุ้นไทย ถ้าลงทุนในหุ้นไทยที่ผันผวน ควรกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่นเดียวกันกับตลาดตราสารหนี้ ถ้าดูความเสี่ยงของตลาด และผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับค่อนข้างต่ำ การแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะเห็นโอกาสในการลงทุนและพลังขับเคลื่อนในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว


บลจ.ฟิลลิป  เน้นลงทุนภูมิภาคาไหนเป็นหลัก ?

นายติยะชัย กล่าวว่า บลจ.ฟิลลิป ลงทุนทั่วโลก แต่หลัก ๆ จะลงทุนด้านนวัตกรรมในสหรัฐฯ ปัจจุบันประเทศจีนมีความน่าสนใจในการลงทุน คือ
1. ประเทศจีนเปิดประเทศก่อนประเทศอื่น
2. รัฐบาลจีนมีนโยบายชัดเจนที่จะสนับสนุนบางอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ
 


4 Mega Trends น่าสนใจในการลงทุน !

ในเวลาที่ตลาดมีแต่ความไม่แน่นอน ขอแนะนำให้ดูในระยะยาว สำหรับนายติยะชัย มองว่า มี 4 Mega Trends ที่มีความน่าสนใจในการลงทุน ได้แก่
1. นวัตกรรมอินเทอร์เน็ต เพราะในชีวิตประจำวันเราใช้อินเทอร์เน็ตทุกวัน เช่น การซื้อ-ขายของ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ การเล่นเกมส์ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า เทรนด์อินเทอร์เน็ตกำลังมา
2. การลงทุนในภูมิภาคเอเชียจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3. Aging Society เป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญมาก ดูว่าใครที่รับผลประโยชน์จากเมกะเทรนด์เหล่านี้
4. พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน ในระยะยาวหากน้ำมันขึ้นราคา ต้นทุนของพลังงานหมุนเวียนจะถูกกว่าเชื้อเพลิง
 

กองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น (PWIN) จุดเด่นการลงทุนด้านนวัตกรรม

กองทุน PWIN ไม่ได้เป็นกองทุน Tech ธรรมดา เพราะไม่ได้ลงทุนใน Tech อย่างเดียว ผลตอบแทนของกองทุน PWIN ปี 2563 อยู่ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ผลตอบแทนอยู่ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ช่วงเวลาที่หุ้นกลุ่ม Tech ผันผวน ทำไมกองทุน PWIN ผลตอบแทนยังดี เพราะ กองทุน PWIN ลงทุนในทุกกลุ่มนวัตกรรมทั่วโลก เช่น ถ้าเราลงทุนในธุรกิจปลายน้ำที่ราคาอาจแพงไปแล้วหรือมีความเสี่ยงใหม่เกิดขึ้น เราจะสลับไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายติยะชัย ยกตัวอย่างที่ชัดเจนในเวลาที่ตลาดผันผวน ทางกองทุน PWIN ลงทุนในธุรกิจที่เห็นว่ามีโอกาสอยู่ เช่น Semiconductor ศูนย์กระจายสินค้าของ E-Commerce หรือ Data Center ของ Cloud Computing เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้กองทุน PWIN แตกต่างจากกองทุนอื่น ที่ส่วนใหญ่จะลงทุน Master Fund เดียว หรือถ้าเป็น Fund of Fund อาจจะติดต่อเป็นบางครั้ง
 
นายติยะชัย กล่าวว่า “สำหรับกองทุน PWIN เรามีการมอนิเตอร์ และสามารถ Rebalance ได้ทุกวัน”
 


บริหารจัดการความเสี่ยงกองทุน PWIN อย่างไร ?

นายติยะชัย อธิบายว่า กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน PWIN คือ เราจะพยายามสร้างผลตอบแทนสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่เราเห็น เช่น การลงทุนในประเทศจีน ต้องระมัดระวังนโยบายของรัฐบาล หรือปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ - จีน มีผลกระทบต่อการลงทุนค่อนข้างสูง แต่ด้วยเพราะเรามีข้อมูลที่ดี และสามารถวิเคราะห์ได้ว่าควรกระจายความเสี่ยงอย่างไร หรือจะ Rebalance Portforio อย่างไร ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้กองทุนรวม PWIN แตกต่างจากกองทุนอื่น


บลจ.ฟิลลิป เน้นลงทุนธุรกิจพลังงานทางเลือกในจีน

นายติยะชัย ให้เหตุผลว่า
1. พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานทางเลือก เป็น Mega Trend ในตอนนี้ ซึ่งราคาในการผลิตไฟฟ้ากับพลังงานทางเลือกสามารถแข่งขันกับพลังงานเชื้อเพลิงได้ ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์โลก

2. ประเทศจีนได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการเติบโตของพลังงานทางเลือก เพราะนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานทางเลือก อย่างเต็มที่ หากตลาดเกิดความผันผวนเรายังมั่นใจได้ เพราะนโยบายของรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนอย่างหนักแน่น เพราะรัฐบาลจีนมั่นใจว่าสามารถสร้างกำไรให้ประเทศได้ แต่ขณะเดียวกัน ประเทศจีนนำเข้าเชื้อเพลิงจำนวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจในช่วงที่น้ำมันขึ้นราคา รัฐบาลสนับสนุนพลังงานสะอาด ทั้ง Value Chain ไม่ใช่เฉพาะกังหันลม หรือแผงโซลาร์เซลล์ เพียงอย่างเดียว ซึ่งประเทศจีนผูกขาดตลาดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ ประเทศจีนผูกขาด 93% ของตลาดโลก ประเทศจีนจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด สำหรับธุรกิจด้านพลังงานสะอาด

นอกเหนือจากพลังงานสะอาด ประเทศจีนสนับสนุนทุก Value Chain รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนผูกขาดตลาดอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด คือ Lithium Battery ไม่ว่าจะแร่ของลิเธียม แร่ของโคบอลต์ แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนก็ผูกขาดตลาดทั้งหมด อย่างสหรัฐฯ อยู่อันดับที่สอง ของ Ecosystem ของ EV  มี Charging Station ประมาณ 4 หมื่นกว่าสถานี แต่ที่ประเทศจีนมี Charging Station ประมาณ 8 แสนสถานี คิดเป็น 20 เท่าของสหรัฐฯ Ecosystem สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนมีความพร้อมมากที่สุดในโลก

 

กองทุน P-CGREEN ตอบโจทย์การลงทุนธีมพลังงานสะอาด

กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ หรือ Phillip China Green Energy and Environment (กองทุน P-CGREEN) คือ ธีมธุรกิจพลังงานสะอาด ที่ลงทุนในประเทศจีน เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 5 ธีมหลัก ได้แก่

1. พลังงานทางเลือก บริษัทที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และเชื้อเพลิงทางเลือก เช่น พลังงานลม, พลังงานแสงอาทิตย์

2. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ผู้ผลิต/จำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า

3. การป้องกันมลพิษ บริษัทที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมลพิษ การลดของเสีย หรือการรีไซเคิล

4. อาคารสีเขียว บริษัทที่สนับสนุนการทำงานตามมาตรฐานอาคารที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

5. การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและคุณภาพน้ำ
 

สนใจลงทุน “กองทุน PWIN หรือ P-CGREEN”

 
 #รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว