30 กรกฎาคม 2564
4,468

ภูมิภาคไหนเด่น กองทุนไหนน่าเข้า รับครึ่งปีหลัง 64

HighLight

Phillip เลือกลงทุนในภูมิภาคที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ผลตอบแทนหรือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสะท้อนถึงการฟื้นตัว การจัดพอร์ตในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ให้เน้นไปที่ Developed Country เช่น สหรัฐฯ หรือยุโรป ช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสผันผวนสูงเหมือนช่วงครึ่งปีแรก เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มาตรการช่วยเหลือจะลดลง ขณะเดียวกัน แนะ 4 กองทุนไม่ควรพลาด ได้แก่ กองทุน TMBGQG, MEURO, PRINCIPAL VNEQ-A และ ASP-VIET โดยเฉพาะ 2 กองทุนหลัง เป็นการลงทุนในเวียดนาม


เรื่องการลงทุน ยังคงจำเป็นและสำคัญในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่อาจจะหาเงินทองจากช่องทางอื่น ๆ ได้ยาก เรื่องของการลงทุน น่าจะเข้ามาตอบโจทย์ได้ ถ้าเรามีการวางแผนจัดการเงินทองของเราในระยะยาว เงินออมตรงนี้ จะช่วยสร้างผลตอบแทนให้เป็นรายได้อีกหนึ่งทางสำหรับพวกเรานำเอาไปใช้ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้ ดังนั้น ช่วงนี้เราควรจะลงทุนอย่างไร แนวโน้มระยะต่อจากนี้ไป ทิศทางน่าจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญ ถ้าเราไม่สามารถบริหารจัดการการลงทุนได้ด้วยตัวเอง เราไม่มีเวลาเพียงพอ จะมีบริการ หรือมีคำแนะนำอย่างไร ? ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มี 4 กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน TMBGQG, MEURO, PRINCIPAL VNEQ-A และ ASP-VIET โดยเฉพาะ 2 กองทุนหลัง เป็นการลงทุนในเวียดนาม ทำไมต้องห้ามพลาด ไปติดตามให้รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ !!!  
 

แนวโน้มภาพรวมการลงทุนครึ่งปีหลัง ของปี 2564 เป็นอย่างไร ?

นายสานุพงศ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังฟื้นตัว เศรษฐกิจของหลายประเทศ GDP ปรับขึ้นจากปี 2563 แต่เศรษฐกิจอีกหลายประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัว ภาพรวมการลงทุนครึ่งปีหลัง 2564 ของสหรัฐฯ หรือภูมิภาคยุโรป เริ่มดีขึ้น เพราะบริหารจัดการวัคซีนได้ดี ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
 

เศรษฐกิจเอเชียจะฟื้นตัวตอนไหน ?

ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยครึ่งปีหลัง 2564 อาจจะต้องใช้เวลา และควรจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้กับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้เปิดประเทศ  ซึ่งภาพรวมของเศรษฐกิจโลกมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ปี 2563 ประเทศจีนเปิดประเทศก่อนประเทศอื่น ตามมาด้วยสหรัฐฯ และยุโรป คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเอเชียจะฟื้นตัวภายในปลายปี 2564 หรือ ต้นปี 2565
 

ภูมิภาคไหนมีความน่าสนใจในการลงทุน

นายสานุพงศ์เลือกลงทุนในภูมิภาคที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ผลตอบแทนหรือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสะท้อนถึงการฟื้นตัว การจัดพอร์ตในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ให้เน้นไปที่ Developed Country เช่น สหรัฐฯ หรือยุโรป ช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสผันผวนสูงเหมือนช่วงครึ่งปีแรก เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มาตรการช่วยเหลือจะลดลง โดยเฉพาะ QE เป็นสิ่งที่ทำให้ตลาดผันผวน ดังนั้น ถ้าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดี ก็ยังลงทุนต่อได้ แต่ต้องหาวิธีรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้น

อย่างการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวจะแตกต่างกัน ธีมการลงทุนครึ่งปีหลังของ Phillip มองภาพการลงทุนแบบ Quality Growth ผลการดำเนินงานต้องสะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดหุ้น หากทำไม่ได้ หุ้นตัวนั้นก็จะเกิดความผันผวนสูง ซึ่งนายสานุพงศ์ ยังคงแนะนำการลงทุนหุ้นในสหรัฐฯ และยุโรป โดยดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนควบคู่กันไป ว่านโยบายที่กองทุนไปลงทุนต้องเน้นเรื่อง “Quality Growth”
 

ทำไม ? การลงทุนใน “เวียดนาม” น่าสนใจ

นายสานุพงศ์มองว่า เป็นโอกาสที่ควรเข้าไปลงทุนในเวียดนาม เพราะการลงทุนระยะยาวยังดี ในอนาคตตลาดหุ้นมีโอกาสขยับจาก Frontier Market เป็น Emerging Market อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ เวียดนามมีการเติบโตสูง แต่ราคายังไม่แพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เวียดนามยังน่าสนใจในการลงทุน แต่นักลงทุนต้องจับจังหวะในการลงทุนให้ดี เพราะเวียดนามยังเป็นตลาดหุ้นแบบ Frontier Market มีความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างสูง หากจะลงทุน นักลงทุนต้องพร้อมรับความเสี่ยง
 

“จีน” ตลาดที่นักลงทุนที่ไม่ควรพลาด !

หุ้นจีนยังควรมีในพอร์ต ในระยะสั้นประเทศจีนผ่านช่วง Recovery ตอนนี้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ รัฐบาลจีน หรือธนาคารกลางของจีน เริ่มดึงเม็ดเงินออกจากระบบ มีการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ไปต่ออย่างมีเสถียรภาพ ประเทศจีนน่าลงทุนในระยะยาว แต่หากจะลงทุนในระยะสั้นยังมีตลาดหุ้นอื่นที่มาแรง และน่าสนใจกว่า

20210730-a-01.jpg

ควรลงทุนในกองทุนไหนดี ?

แนะนำกองทุนที่มี Quality Growth และ Developed Country ได้แก่
1. กองทุน TMBGQG เน้นลงทุนหุ้นที่มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
2. กองทุน MEURO เน้นการลงทุนในยุโรป หากนำมาผสมในพอร์ต ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี

20210730-a-02.jpg


ส่วนตลาดหุ้นเวียดนาม ราคาหุ้นตกแรง มี 2 กองทุนที่แนะนำลงทุน
1. PRINCIPAL VNEQ-A เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาว เพราะผลตอบแทนดี แต่ต้องระมัดระวังเรื่องสภาพคล่อง เพราะไม่สามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวัน
2. ASP-VIET เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้น สามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวัน แต่ผลตอบแทนน้อยกว่า PRINCIPAL VNEQ-A เพราะ ASP-VIET ลงทุนใน ETF เป็นหลัก
 

ถ้าไม่สามารถบริหารจัดการการลงทุนได้ด้วยตัวเอง ทำอย่างไรดี ?

Phillip เข้าใจนักลงทุนที่ไม่มีเวลาจัด Portfolio ของตนเอง Phillip มีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยช่วยดูแล Portfolio ให้นักลงทุน ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์กองทุนรวม จะร่วมกันคัดสรรกองทุนและดูแลบริหารพอร์ตให้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ นักทุนเพียงแค่เลือกประเภทพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

20210730-a-03.jpg

ลงทุนผ่าน Phillip Smart Wealth

Phillip Smart Wealth คือ กองทุนส่วนบุคคล ที่กระจายการลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ (Fund of Funds) โดยผ่านการคัดสรรจากนักวิเคราะห์กองทุนและผู้จัดการกองทุน

เหมาะกับ:
1. ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาด
2. ไม่เชี่ยวชาญ - ไม่มั่นใจ การปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์
3. ต้องการมีมืออาชีพช่วยดูแลพอร์ตลงทุนอย่างใกล้ชิด

Phillip Smart Wealth Private Fund เริ่มต้นลงทุน 5 แสนบาท
 
สนใจลงทุน Phillip Smart Wealth Private Fund ติดต่อ:
 
20210730-a-04.jpg
 
#รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว

ติดต่อโฆษณา!