ลุ้น ศบค. คลายล็อกดาวน์ ส่งผลบวกภาคธุรกิจ
Highlight
แน่นอนว่ามาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่กับร้านอาหาร แต่ยังรวมถึงภาคบริการแทบทั้งหมด ตั้งแต่โรงแรม ร้านนวด คลีนิกเสริมความงาม ร้านตัดผม และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งทาง ศบค. เอง ก็แจ้งมาโดยตลอดว่า หากตัวเลขผู้ติดเชื้อ เริ่มลดลงเมื่อไหร่ จะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อในปัจจุบัน แม้จะยังทรงตัวในระดับใกล้ 20,000 รายต่อวัน แต่ก็ปรับลดลงมาจากจุดสูงสุด ทำให้หลายคนกำลังลุ้นว่าจะคลายมาตรการล็อกดาวน์หรือไม่
โดยทาง ศบค. มีนัดประชุมกันในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค. นี้ แน่นอนว่าประเด็นที่ทุกคนจับตา คือจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมธุรกิจร้านอาหารและอีกหลายธุรกิจ เช่นร้านสินค้าไอที ร้านค้าสินค้าก่อสร้าง โรงหนัง โรงเรียน หรือไม่
ซึ่งในด้านผู้ประกอบการเอง ก็เสนอไปยังกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แบ่งเป็น 3 เฟส ด้วยกันคือ
1. ตั้งแต่ 1 ก.ย.21 ให้ร้านอาหารนั่งทานในร้านได้ 50% โดยมีเงื่อนไขร้านต้องสะอาด พนักงาน และลูกค้าต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และ/หรือ มีผลตรวจโควิดแบบ ATK / ร้านสินค้าก่อสร้าง, ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ทันตกรรม ร้านนวด ร้านเสริมสวย (ยกเว้นใบหน้า), ร้านขายสินค้าไอที, สนามกอล์ฟ และกีฬากลางแจ้ง สามารถเปิดกิจการได้ เป็นต้น
2. ตั้งแต่ 15 ก.ย. 21 ให้ทานอาหารในร้านได้ 75% ให้เปิดร้านเสื้อผ้า สถาบันการศึกษา
3. และตั้งแต่ 30 ก.ย. 21 หรือเร็วกว่านั้น ให้ทานอาหารในร้านได้ 100% ให้เปิดธุรกิจสปา เครื่องเล่นเด็กและผู้ใหญ่ ฟิตเนส และออกกำลังกายในร่ม โรงหนัง และห้องจัดเลี้ยง
ซึ่งแน่นอนว่า สุดท้ายก็จะต้องอยู่ที่ ศบค. รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากตัวเลขไม่กลับมาปรับเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้เห็นการผ่อนคลายมาตรการ
ในด้านการลงทุน หากสามารถผ่อนคลายได้ตามแผนดังกล่าว บล. ฟินันเซีย มองว่า เป็นบวกต่อ กลุ่มห้างและร้านค้า CPN CRC BJC HMPRO GLOBAL DOHOME TOA DRT, ร้านอาหาร M ZEN AU OISHI, ร้านสินค้าไอที COM7 SPVI CPW SYNEX, ร้านสปา SPA, โรงหนัง MAJOR, กลุ่มโรงแรม และโรงเรียน SISB