บล.ฟิลลิปแนะนำลงทุนหุ้นต่างประเทศให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นไทย
Highlight
การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทำได้ไม่ยาก หลักการลงทุนคล้ายกับการลงทุนหุ้นไทย เพียงมีความพร้อมและอยากจะหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น และนักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงที่จะรับได้ เพราะหุ้นต่างประเทศเติบโตเร็วและมีความผันผวน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ คือ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ
ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 หุ้นประเทศจะ Outperform มากกว่า เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เพราะอุตสาหกรรมก้าวหน้ามากกว่า และมีความหลากหลายมากกว่า
คุณธัญลักษณ์ ธรรมาณิชานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ บล.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นที่ Outperform มากที่สุดในช่วง COVID-19 คือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่ม Health Care อัตราผลตอบแทน year-to-date หรือจากต้นปี สูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์
สหรัฐอเมริกามีหุ้นจดทะเบียนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วง COVID-19 เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี การ Work From Home ทำให้หุ้นเทคโนโลยี อย่าง Zoom, Google, Facebook, Microsoft, AMD ทั้งระบบ Hardware และ Software ราคาหุ้นขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปต่อได้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น ยา ไบโอเทค ที่ผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ได้รับผลประโยชน์ คือ Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson, AstraZeneca
การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทำได้ไม่ยาก หลักการคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต้องมีความพร้อมและอยากแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ถ้านักลงทุนมีความพร้อม มีบัญชีหลักทรัพย์ซื้อ-ขายหุ้นต่างประเทศ กับบริษัทหลักทรัพย์อยู่แล้ว ขั้นตอน คือ เปิดบัญชี ฝากเงิน ส่วนกระบวนการ Settlement ทางโบรกเกอร์ที่ดูแลนักลงทุนจะจัดการให้
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะลงทุนในหุ้นต่างประเทศนักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองจะรับได้ เพราะ หุ้นต่างประเทศเติบโตเร็ว และมีความผันผวนสูง การประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้นักลงทุนรับทราบความเสี่ยงที่จะรับได้
การเริ่มต้นลงทุนหุ้นต่างประเทศ ต้องประเมินจากเศรฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจของประเทศชั้นนำของโลกโดยรวม และนโยบายของรัฐบาลประเทศนั้นๆ และต้องติดตามข่าวสารของบริษัทจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศที่เราจะไปลงทุนด้วย
“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ คือ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยน เป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส เช่น หุ้น Facebook ราคาขึ้น แต่ค่าเงินยังไม่เป็นที่น่าพอใจ นักลงทุนต้องประเมินว่าระหว่างความเสี่ยงและโอกาส มองเห็นจุดไหนมากกว่ากัน
ในขณะที่ราคาหุ้นขึ้นไปแล้ว แต่อัตราแลกเปลี่ยนยังเหมือนเดิม หากนักลงทุนรอจังหวะที่อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นอาจจะขึ้นสูงแล้ว แต่ต้องประเมินความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้”คุณธัญลักษณ์ กล่าว
ดังนั้นนักลงทุนสามารถปรึกษาผู้แนะนำการลงทุน หรือบริษัทหลักทรัพย์ได้ ว่านักลงทุนมีมุมมอง หรือความคิดเห็นในการลงทุนหุ้นต่างประเทศอย่างไร เพราะผู้แนะนำการลงทุนจะเข้าใจนักลงทุนเป็นอย่างดี
สำหรับค่าธรรมเนียมในการลงทุนปัจจุบันไม่สูงแล้ว เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมกองทุน ค่าธรรมเนียมจึงปรับตัวลดลง โดยรวมแล้วผลตอบแทนของหุ้นต่างประเทศได้รับผลตอบแทนสูงกว่าค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายไป
นอกจากนี้เรื่อง Time Zone ก็เป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ เพราะถ้านักลงทุนเทรดหุ้นในช่วงกลางคืน แต่ไม่มีที่ปรึกษา หรือเกิดปัญหา ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยง ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป เข้าใจปัญหาของนักลงทุน จึงเปิดบริการ Support ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านหน่วยงาน Phillip Global Markets ด้วย Platform Trading ของฟิลลิปเอง
การลงทุนหุ้นต่างประเทศของ บล.ฟิลลิป เริ่มต้นที่ 50,000 บาท สามารถลงทุนได้เกือบทุกตลาดหุ้นทั่วโลกที่ บล.ฟิลลิปให้บริการ
ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มเทรดหุ้นประมาณ 20.30 – 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่นอนดึก แต่สำหรับนักลงทุนบางท่านอาจจะไม่สะดวกเทรดหุ้นช่วงกลางคืน ในส่วนของ Platform ของ บล.ฟิลลิป สามารถส่งคำสั่งซื้อ-ขายล่วงหน้าได้
ดัชนี NASDAQ กับ S&P 500 ของหุ้นสหรัฐ จากช่วงต้นปี (year-to-date) ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 14-18 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเปรียบเทียบกับหุ้นไทยที่ตัวเลขหลักเดียว
Dow Jones, S&P 500 และ NASDAQ คือดัชนี ที่เอาไว้ชี้วัดมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี 3 ตัวนี้การใช้งานแตกต่างกัน อย่างเช่น Dow Jones จะมีหุ้น 30 ตัว เรียกว่า หุ้นบูลชิพ หรือหุ้นสร้างชาติของสหรัฐ เช่น JPMorgan Chase & Co, Caterpillar Inc, 3M Co, Microsoft Corp, Apple คือ หุ้นสัญชาติอเมริกัน ถ้าเป็น S&P 500 จะมีหุ้น 500 ตัว ค่อนข้างจะกระจายไปหลายอุตสาหกรรม มีความหลากหลาย ส่วนนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แนะนำ NASDAQ จะเป็นหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ เช่น Zoom, Tesla, N Media, AMD ส่วนมากจะเป็นหุ้นเทคโนโลยี ค่อนข้างจะผันผวนเยอะกว่าหุ้นกลุ่มอื่น
สำหรับข่าวสารในการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมี Website ข่าวเฉพาะทางสำหรับการลงทุนในหุ้น เช่น CNBC, Website ข่าวฟรีต่างๆ เช่น Investing.com แต่ถ้านักลงทุนยังไม่มั่นใจ แต่ละโบรกเกอร์จะมีบริการข่าวสารการลงทุนให้เช่นกัน
“หุ้นรายตัวต่างประเทศค่อนข้างจะ Outperform หรือให้ผลตอบแทนที่ดีมากเทียบกับหุ้นไทย อยากให้นักลงทุนเปิดใจ ลองลงทุนให้หุ้นต่างประเทศ เพราะมีความน่าสใจ และอาจจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับนักลงทุน” คุณธัญลักษณ์ กล่าว
นอกจากนี้ บล. ฟิลลิป ยังมีบริการออมหุ้นต่างประเทศ Global Share Builders Plan หลักการคล้ายกับการออมหุ้นไทย การออมหุ้นต่างประเทศช่วยให้นักลงทุนจับจังหวะการเข้าซื้อ การลงทุนโดยการใช้ DCA มาช่วย สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เคยจับจังหวะการเข้าซื้อหุ้น สามารถใช้ DCA มาช่วยจับจังหวะการลงทุนได้เหมือนกัน
การออมหุ้นต่างประเทศกับ Phillip เริ่มต้นเดือนละ 10,000 บาท เช่น นักลงทุนสามารถซื้อหุ้น Apple ได้ โดยใช้หลักการ DCA ในการเข้าซื้อ ทางโปรแกรมของ Phillip จะหักค่าใช้จ่ายจากบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน เดือนละ 10,000 บาท เพื่อนำไปซื้อ และแลกเปลี่ยนค่าเงิน ดำเนินการให้ทุกขั้นตอน
การออมหุ้นต่างประเทศ แบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1. เริ่มต้นลงทุนเดือนละ 10,000 บาท 2. เริ่มต้นลงทุนเดือนละ 20,000 บาท 3. เริ่มต้นลงทุนเดือนละ 30,000 บาท ระดับที่ 2 จะเริ่มต้นลงทุนที่หุ้นตัวละ 20,000 บาท เช่น ETF เป็นการกระจายการลงทุน