06 มกราคม 2564
2,841

เทคโนโลยีดิจิทัลชี้ชะตาธุรกิจปี 2564 ใครจะอยู่ ...ใครจะไป

เทคโนโลยีดิจิทัลชี้ชะตาธุรกิจปี 2564 ใครจะอยู่ ...ใครจะไป
Highlight
“เกลนน์ ฟิตซ์เจอรัลด์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ประจำภาคพื้นยุโรปของฟูจิตสึ ได้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2564

ความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในช่วงปี 2563 จนไม่สามารถอธิบายได้หมด แต่ที่สำคัญก็คือ หลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2564!! 

 

3 จุดเปลี่ยนสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2563



1.ออนไลน์ช้อปปิ้ง - ออนไลน์แบงค์กิ้ง

ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แน่นอนว่านี่อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับระบบดิจิทัลและได้เริ่มซื้อสินค้าทางออนไลน์ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 

แต่การแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเริ่มต้นใช้บริการธนาคารและสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์  

ในประเทศที่มีการใช้มาตรการล็อคดาวน์ ราว 70% ของลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในห้างเปลี่ยนไปใช้ระบบออนไลน์ และหลายๆ คนก็ยังคงมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไปหลังจากที่การแพร่ระบาดสิ้นสุดลง ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์เดินหน้าเสริมทัพกันอย่างจริงจังในช่วงปี 2563 เพราะความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นตามไปด้วย  

คำพูดที่ว่า “คุณอยู่ห่างจากคู่แข่งเพียงแค่หนึ่งคลิก” ได้กลายเป็นแรงจูงใจ และภัยคุกคามสำหรับหลายๆ ธุรกิจ


2.การปฏิรูปบริการภาครัฐและการศึกษา
ได้เริ่มต้นขึ้นในท้ายที่สุด ในหลายๆ ประเทศ การแพร่ระบาดส่งผลให้ภาครัฐดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล เพราะประชาชนไม่สามารถเดินทางไปขอรับบริการที่หน่วยงานได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องอาศัยช่องทางออนไลน์  แน่นอนว่ายังต้องมีการพัฒนาอีกมาก แต่อย่างน้อยก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  

และในทำนองเดียวกัน สถานศึกษาหลายแห่งก็จำเป็นต้องเริ่มปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเช่นกัน โดยในหลายๆ กรณี เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นใช้ระบบ Video Conferencing และแท็บเล็ตเท่านั้น 

ซึ่งการพัฒนาในส่วนนี้ยังมีหนทางอีกยาวไกล และขณะเดียวกันการศึกษาออนไลน์จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ซึ่งมีการถกเถียงกันเรื่องนี้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

 
3.ร้านอาหาร กับนวัตกรรม
ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากที่สุด จำเป็นต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมหลายต่อหลายครั้ง เช่น การเริ่มใช้ระบบสั่งอาหารผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกค้าส่งต่อใบปลิวเมนูสำหรับการสั่งออเดอร์ทางดิจิทัลและการจัดส่งอาหาร

 
ผู้ชนะในปี 2563 ได้แก่ บริษัทที่สามารถเสริมสร้างหรือใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานไอที  เราเห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่บริษัทโลจิสติกส์ที่ปรับปรุงบริการขนส่งสินค้า ไปจนถึงแพทย์ที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยผ่านทางวิดีโอ  ในหลายๆ กรณี การแพร่ระบาดก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อระบบเก่า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอด

 อย่างไรก็ดี เมื่อมีผู้ชนะ ก็ย่อมต้องมีผู้แพ้เช่นกัน 

6 เทรนด์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อเทคโนโลยี ชี้ชะตาธุรกิจปี 2564 



แนวโน้มที่ว่านี้จะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น:

1.ประชาชนกลุ่มที่เข้าไม่ถึงอุปกรณ์ดิจิทัล จะเกิดช่องว่างทางสังคม 

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม เช่น ผู้สูงอายุและคนยากจน จะกลายเป็นผู้สูญเสียประโยชน์ 

เมื่อดิจิทัลกลายเป็นช่องทางหลักสำหรับการให้บริการ  ใครก็ตามที่ไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนด้วยตนเองหรือไม่รู้วิธีใช้ จะเสียเปรียบเพิ่มมากขึ้นในช่วงปี 2564 และจะส่งผลให้เกิดช่องว่างทางสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยคนที่ยังคงติดค้างอยู่ในโลกอนาล็อกจะกลายเป็นผู้แพ้ในท้ายที่สุด

2.พนักงานออฟฟิศที่ทำงานประจำซ้ำๆ เสี่ยงตกงาน

เนื่องจากการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล “นับเป็นครั้งแรกที่พนักงานออฟฟิศจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม” โดยจะต้องกลายเป็นคนตกงานและไม่สามารถหางานใหม่ได้  

สำหรับงานทั่วไปอย่าง เช่น การประเมินความเสี่ยงด้านประกันภัย คอลล์เซ็นเตอร์ และศูนย์บริการ ระบบอัตโนมัติกำลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี AI และ Machine Learning  

นั้นหมายความว่า ก็คือ ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่บุคลากรที่ทำงานเหล่านี้  

อนาคตสำหรับพนักงานกลุ่มนี้ค่อนข้างจะมืดมน เพราะหลายๆ คนไม่เต็มใจที่จะเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อปรับเปลี่ยนทักษะ และจะว่าไปแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกอบรมพนักงานภายในเวลาไม่กี่เดือนเพื่อให้เปลี่ยนไปทำงานอื่นแทนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะจะต้องใช้เวลาหลายปีในการสั่งสมประสบการณ์สำหรับการเข้าทำงานในตำแหน่งที่ให้ค่าตอบแทนสูง  

สุดท้ายแล้ว คนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


3.รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปถาวร 

ไม่มีทางหวนกลับไปสู่การทำงานรูปแบบเดิมที่พนักงานจำนวนมากทำงานร่วมกันในออฟฟิศ ถ้าคุณเคยทำงานในออฟฟิศและในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา คุณต้องทำงานจากที่บ้าน ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยอมรับการทำงานในลักษณะนี้เป็นการถาวรในระยะยาว  

หลายๆ บริษัท รวมถึงฟูจิตสึ ได้สำรวจความต้องการเกี่ยวกับพื้นที่สำนักงานในหลากหลายแง่มุม และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม 

ซึ่งนั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไปบุคลากรที่มีความรู้ทุกคนจะต้องมองหาพื้นที่ทำงานที่เงียบสงบ ไม่ถูกรบกวน มีแบนด์วิธที่เพียงพอเพื่อรองรับการประชุมผ่านวิดีโอและการใช้เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันผ่านทางออนไลน์ได้อย่างราบรื่น  เนื่องจากตอนนี้ไม่มีโต๊ะทำงานประจำในออฟฟิศอีกต่อไป 

ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนและจัดเตรียมสถานที่สำหรับการทำงานจากที่บ้านในลักษณะถาวรมากขึ้น เพราะการนั่งนอนเอกเขนกที่ขอบเตียง บนโซฟา หรือนั่งทำงานที่โต๊ะกินข้าวไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน

 
4.ความเร็วอินเทอร์เน็ตจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการกำหนดราคาบ้าน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท ในอดีตความพร้อมของบริการขนส่งสาธารณะคือตัวกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ชานเมือง แต่เนื่องจากปรากฏการณ์คนหนีเมือง (De-urbanization) เริ่มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น

ปัจจัยตัวใหม่ที่ส่งผลต่อราคาบ้านก็คือ แบนด์วิธสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต  ด้วยเหตุนี้ ชุมชนในชนบทที่ลงทุนขยายแบนด์วิธจะมีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกัน

 

5.อาคาร - พื้นที่ใจกลางเมืองใหญ่ ความต้องการลดลง 

อสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองจะพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง ปรากฏการณ์พื้นที่สำนักงานมีผู้เช่าลดลงกว่า 20% เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น  

เราได้พบเห็นการโยกย้ายถิ่นฐานสู่พื้นที่ชานเมืองกันอย่างกว้างขวางในช่วงปี 2563 เพราะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เริ่มตระหนักว่าตนเองไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากการใช้ชีวิตในเมือง ก็แล้วทำไมจะต้องทนลำบากอาศัยอยู่ในคอนโดสูงที่แออัดยัดเยียด ในเมื่อคุณไม่จำเป็นต้องหาทำเลใกล้ออฟฟิศอีกต่อไป  

ด้วยเหตุนี้ อาคารสำนักงานในเมืองอาจจะว่างเปล่ามากขึ้น อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่สำนักงานให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัย


6.บริษัทต่างๆ จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้เทคโนโลยี 

คุณจะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหรือเช่าพื้นที่สำนักงานราคาแพงใจกลางเมืองไปทำไม ในเมื่อคุณสามารถเช่าโต๊ะหรือพื้นที่ทำงานในแบบออนดีมานด์เพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่หลากหลายของคุณ  

กรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีเช่นกัน กล่าวคือ บริษัทต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้เทคโนโลยี จากเดิมที่เป็นการซื่ออุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี ก็หันไปใช้รูปแบบการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง  

ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ติดตั้งในองค์กร ซึ่งมีการปรับใช้บริการคลาวด์กันอย่างรวดเร็วมากขึ้น

 

ปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนตัว เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น จะเพิ่มขึ้น



ปัญหานี้มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในเยอรมนี ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยนับเป็นภัยคุกคามที่จะขัดขวางความก้าวหน้าทางด้านดิจิทัล  

ในเรื่องความเป็นส่วนตัวนั้น เราจะต้องกำหนดมาตรฐานสำหรับกฎหมายว่าด้วยข้อมูลส่วนตัวสำหรับประเทศต่างๆ ในยุโรป เพื่อให้ GAIA-X ซึ่งเป็นบริการดิจิทัลของยุโรป กลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ให้บริการคลาวด์ในระดับ Hyperscaler ของสหรัฐฯ

 
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชนะในปี 2563 มองออกแล้วว่าความสำเร็จจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรในปี 2564  

องค์กรที่จัดการกับข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างรอบด้านและครบวงจรจะมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างมาก  

ขณะที่เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ แนวทางที่แยกเป็นส่วนๆ สำหรับการพัฒนาและจัดการโครงสร้างพื้นฐาน บริการ และแอพพลิเคชั่น จะกลายเป็นภาระที่หนักสำหรับองค์กรในท้ายที่สุด  

องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในปี 2564 ได้แก่ บริษัทที่ปรับใช้แนวทางที่มุ่งเน้นโซลูชั่นและฟังก์ชั่นเป็นหลัก โดยครอบคลุมทีมงานและฐานความรู้จำนวนมาก และอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำอย่างเช่นฟูจิตสึ เพื่อเชื่อมโยงการดำเนินงานในส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน และก่อให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์แบบ  

ปี 2564 คือช่วงเวลาที่คุณจะต้องระดมกำลังจากข้อมูลและทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีทั้งหมดที่คุณมีอยู่ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 
..................................
ผู้เขียน

“เกลนน์ ฟิตซ์เจอรัลด์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ประจำภาคพื้นยุโรปของฟูจิตสึ

กว่า 40 ปี กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านไอทีหลากหลายด้าน รวมถึง การออกแบบซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการโครงการ การดำเนินธุรกิจ และสถาปัตยกรรม ITC

ติดต่อโฆษณา!