5 Disruption ยุคศตวรรษที่ 21 เมื่อโลกปรับ เราต้องเปลี่ยน‼️
Highlight
“บริษัทที่ Disruptive ที่สุดไม่เคยเปลี่ยนแปลงสนามของตัวเอง พวกเขาไปเปลี่ยนแปลงสนามของคนอื่นทั้งนั้น”
หนึ่งในตัวอย่างที่ได้รับการหยิบยกมาพูดถึงมากที่สุดคือ กรณีของ Apple บริษัทคอมพิวเตอร์ที่พลิกโฉมวงการดนตรี ด้วยการนำ iPod และ iTunes เข้าตลาด Apple ได้พลิกโฉมการฟังเพลงของผู้คน จากโซนี่ วอล์คแมนที่ทำให้คนฟังเทปหรือซีดีได้ทุกที่ สู่ iPod ที่สามารถเก็บไฟล์เพลงได้หลายร้อยเพลงในเครื่องเล่นที่เล็กกว่า
นอกจากนี้ บริการซื้อดนตรีเป็นรายเพลงยังเป็นส่วนหนึ่งในการนำอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุค Music streaming อีกด้วย
5 Disruption ที่น่าจับตามองในโลกของศตวรรษที่ 21 มีอะไร มาดูกัน
1. อุตสาหกรรม Food, Agriculture และ Biology จะมีมูลค่า 4 เท่าของอินเตอร์เน็ต (250B USD)
เราจะเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านอาหาร การเกษตร และยา ไม่ว่าจะเป็น alternative protein ซึ่งใช้พื้นที่น้อยลง 95% หรือจะเป็นการทำ digitization ของการวิจัย แยก data ออกจาก biology เช่น การที่คุณกระทิงได้พูดคุยกับ CEO ของ Moderna บริษัทผลิตวัคซีนโควิด-19 เกี่ยวกับความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีการทำ prototype ของวัคซีนให้ง่ายและรวดเร็วเหมือนการ code ได้
2. Electric Vehicles
▪️ ในปี 2024 Apple จะออก self-driving car
▪️ ภายในปี 2035 self-driving cars ก็จะเป็น mainstream และทดแทนรถใช้น้ำมันทั่วโลก จนเกิดเป็น in-car economy
การเรียนรู้บนรถ การใช้ชีวิตบนรถ ซึ่งจะเป็นการ transform รูปแบบการคมนาคมของคนทั่วโลก
3. At-Home Economy
หลังจาก COVID-19 นั้น ทุก ๆ คนได้เรียนรู้การทำงานไม่จำเป็นที่จะต้องทำจากออฟฟิศเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป พฤติกรรมของมนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การเข้าถึงลูกค้าทางบ้าน ตลาดของ e-Commerce จึงเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุก ๆ บริษัทเองก็ควรที่จะปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
4. Zero Carbon Economy
Climate Change ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่โลกกำลังเผชิญอยู่
Bill Gates ได้ให้ความสำคัญผ่านการเขียนหนังสือ 'How to Avoid a Climate Disaster' ซึ่งเมื่อเกิด awareness แล้วนั้น ช่วยให้เกิด laws and regulations เพื่อให้เกิด economic impact ในหลาย ๆ ประเทศ
ภายในปี 2050 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของแหล่งพลังงานจากเชื้อเพลิงมาเป็นไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
5. Young-Old Economy
ปี 2021 (ปีนี้) ประเทศไทยจะกลายเป็น completely aged society หรือ สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว ซึ่ง นั้นทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น Assistive Technology, Telehealth, Telecare, Telemed, Mobile health, Wealth planning ฯลฯ ภายใน 2030 นั้น ประเทศไทยจะเป็น super-aged society คนที่อายุ 60+ จะเป็น 55% ของ consumption growth
และคนกลุ่มนี้เองจะเป็นกลุ่มที่พร้อมจ่าย premium price สำหรับ service ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ ดังนั้น โอกาสทางธุรกิจที่กำลังมาแรง คือ ธุรกิจที่สามารถแตะกลุ่มเป้าหมายนี้ได้
นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นการปรับเปลี่ยนความคิดยอมรับความเปลี่ยนแปลง เตรียมให้พร้อมที่จะไม่ยึดติดกลยุทธ์เก่า ๆ ออกไป แม้กลยุทธ์เหล่านั้นจะเคยใช้ได้ผลมาแล้วก็ตาม และเปิดใจ ปรับตัวให้พร้อมจะเรียนรู้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆที่จะเข้ามา
ลองมองไปที่ “คน” และ “สังคม” และหยิบเอาเทคโนโลยีที่เข้ามาไปสร้างโอกาสใหม่ๆ สร้างคนให้มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้นและพร้อมจะปรับตัวอยู่เสมอ