ศบค. แถลงมติเตรียมเปิดประเทศ-ลดเวลาเคอร์ฟิว-คลายล็อกดาวน์
Highlight
โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุมผ่อนคลายล็อกดาวน์เตรียมเปิดประเทศ
- ศบค.กำหนดประเทศเสี่ยงต่ำเบื้องต้น อังกฤษ-สหรัฐ-เยอรมนี-สิงคโปร์-จีน ที่เหลือรอเคาะเพิ่ม
- ศบค.เตรียมเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวเป็น 17 จังหวัดในช่วง 1-30 พ.ย.ก่อนเพิ่มอีก 16 ใน ธ.ค.
- ศบค.ลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัด-สีแดงเหลือ 30 จังหวัด
- ศบค.ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 5 ทุ่มถึงตี 3 เริ่ม 16 ต.ค.
- ศบค.ให้ร้านสะดวกซื้อ-ตลาดสด-ตลาดนัดเปิดให้ได้ถึง 4 ทุ่ม
- ศบค.ให้ปรับเพิ่มความจุรถขนส่งสาธารณะจากเดิมคุมไว้ที่ 75%
- ศบค.เคาะคลายล็อกจัดงานแสดงสินค้า-ศูนย์ประชุม-จัดนิทรรศการได้ไม่เกิน 500 คน
- ศบค.ให้ศูนย์การค้า-คอมมูนิตี้มอลล์เปิดพื้นที่เพิ่มยกเว้นสวนน้ำ-สวนสนุก
- ศบค.ให้สนามกีฬาทุกประเภท-สวนสาธารณะเปิดได้ตามปกติแต่ไม่เกิน 4 ทุ่ม
- ศบค.มีมติให้ สธ.ทำแผนจัดหายา “โมลนูพิราเวียร์” 5 หมื่นคอร์สนำเสนอ ครม.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ศบค. มีมติเห็นชอบให้มีการปรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 29 จังหวัด ลดเหลือ 23 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครศรีธรรมราช นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา ระยอง ราชบุรี สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสระบุรี
ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 37 จังหวัด ลดเหลือ 30 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครสวรรค์ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี มหาสารคาม ระนอง ลพบุรี ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี อุบลราชธานี และเพชรบูรณ์
ขณะที่พื้นที่ควบคุมจาก 11 จังหวัด เพิ่มเป็น 24 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ กำแพงเพชร นครพนม น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สุโขทัย หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และอำนาจเจริญ
ทั้งนี้ ศบค.ยังเห็นชอบการปรับเงื่อนไขมาตรการ สำหรับกิจการและกิจกรรมในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่เปิดให้บริการประกอบด้วย
1. การห้ามออกนอกเคหสถาน เวลาเดิม 22.00-04.00น. ปรับเป็น 23.00-03.00 น.อย่างน้อย 15 วัน เริ่ม 16 ต.ค.นี้
2. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด จากเดิมเปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 21.00 น.(จำหน่ายเฉพาะเครื่องอุปโภคบริโภค) ปรับเป็นเปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 22.00 น.จำหน่ายได้ทุกประเภทสินค้า เปิดบริการ เครื่องเล่น สวนสนุกได้ โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ
3.กิจการอื่นๆ ที่เปิดทำการ โดยกำหนดเวลา เช่น ธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือฉายภาพยนตร์ ร้านอาหารโรงละคร โรงมหรสพ (ลิเก งิ้ว ลำตัด หรือการแสดงพื้นบ้านอื่นๆ) สนามกีฬาทุกประเภท สวนสาธารณะ ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้า เวลาเดิมเปิดได้ถึงเวลา 21.00 น. ปรับเป็นเปิดดำเนินการตามปกติ แต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.แต่ยังเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง
4. สถานดูแลผู้สูงอายุ เดิมให้รับเฉพาะที่อยู่ประจำไม่เปิดดำเนินการแบบรับไป-กลับ ปรับเป็นให้เปิดดำเนินการแบบรับไป-กลับได้ โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ โดยบุคลากรต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และส่งตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ขณะที่ผู้ใช้บริการต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ด้วยเช่นกัน
5. การขนส่งสาธารณะทุกประเภท เดิมความจุ 75% ของยานพาหนะ ปรับเป็นเพิ่มความจุตามความสามารถของยานพาหนะ โดยให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล
6. ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกัน ในห้างสรรพสินค้า และโรงแรม สามารถเปิดบริการจัดประชุม และจัดงานตามประเพณีนิยมได้ แต่จำกัดจำนวนคนไม่เกิน 500 คน เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อย 1 เมตร จัดเลี้ยงอาหารแบบแยกชุด และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กำหนดเวลาประชุมไม่เกินช่วงละ 2 ชั่วโมง ให้มีเวลาพักและเปิดระบายอากาศของห้องประชุม รวมถึงเปิดดำเนินการตามเวลาปกติ แต่ไม่เกินเวลา 22.00 น. แต่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ กรณีเกิน 50 คน ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแนวทางปฏิบัติภายใน 18 ต.ค.นี้
ส่วนการปรับเงื่อนไขมาตรการสำหรับกิจการและกิจกรรมในทุกพื้นที่ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้.ประกอบด้วย
1. ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนิตี้มอลล์ จากมาตรการเดิมยังไม่เปิดบริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมสวนสนุก สวนน้ำ จำกัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในบริเวณห้างสรรพสินค้าตามระดับพื้นที่ ปรับเป็นเปิดบริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมที่เล่นเป็นรายบุคคลหรือแข่งเป็นคู่เท่านั้น โดยให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่เปิดบริการ รวมถึงยังไม่เปิดบริการสวนน้ำ สวนสนุกในทุกพื้นที่
2. สนามกีฬาทุกประเภท สวนสาธารณะ มาตรการเดิม จำกัดเวลาพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุด เวลา 21.00 น. ปรับเป็นเปิดดำเนินการตามเวลาปกติ แต่ไม่เกินเวลา 22.00 น. ซึ่งมาตรการอื่นคงเดิม
3. การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค มาตรการเดิมกำหนดการรวมกลุ่มตามระดับพื้นที่ ตั้งแต่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดถึงพื้นที่เฝ้าระวัง 25,50,100,200,500 คน ปรับใหม่เป็น เพิ่มการรวมกลุ่มตามระดับพื้นที่ตั้งแต่พื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด ถึงพื้นที่เฝ้าระวัง ดังนี้ 50,100,200,300,500 คน
4. สถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ยังไม่เปิดบริการ แต่ให้ผู้ประกอบการเตรียมการปรับปรุงสภาพแวดล้อม และระบบระบายอากาศตามมาตรฐาน รวมถึงให้บุคลากรได้รับวัคซีนครบทุกคน ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยกรุงเทพฯ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ของรัฐดำเนินมาตรการ สำหรับเตรียมการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค.2564
โฆษก ศบค. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. มีความเป็นห่วงคือ การปรับมาตรการวันนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ผู้ประกอบการ และภาครัฐ ซึ่งทั้ง 3 ฝ่าย หากได้มีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด จะมีสภาวะแวดล้อมที่จะดำเนินกิจการ กิจกรรมต่างๆ ได้ และเหมาะสมที่จะอยู่กับโควิดได้ แต่หากกิจการได้ดำเนินการไปแล้วไม่เป็นผลดี ก็ยังถูกสั่งปิดได้เหมือนเดิม
“ในเดือนถัดๆ ไปจะมีการเร่งรัดกำหนดมาตรการเตรียมการให้แล้วเสร็จ เพื่อเปิดดำเนินการ แต่ ณ ตอนนี้ความเสี่ยงยังสูง ขอให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงกิจการภายในของท่านเองด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ที่มา : ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค), infoquest