ดราม่า “หนึ่ง จักรวาล” จับพุง จับก้น ลูกสาว ขึ้นแฮชแท็กอันดับหนึ่งโซเชียล สังคมชี้ไม่เหมาะสม

ดราม่า “หนึ่ง จักรวาล” จับพุง จับก้น ลูกสาว ขึ้นแฮชแท็กอันดับหนึ่งโซเชียล สังคมชี้ไม่เหมาะสม
Highlight

จากกรณีดราม่า “หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม” นักดนตรี-โปรดิวเซอร์-มิวสิก ไดเรคเตอร์ชื่อดัง โพสต์คลิปหยอกล้อการแสดงความรักต่อลูกสาววัย 9 ขวบโพสต์ลงไอจี จนโด่งดังสนั่นโซเซียล แฮชแท็ก #หนึ่งจักรวาล พุ่งติดเทรนด์อันดับหนึ่งไปแล้วในวันนี้ เพราะสิ่งที่คุณพ่อได้แสดงความรักต่อลูกสาว เช่น จับพุง จับก้น ถูกวิจารณ์สนั่นไปทางลบ ด้านนักสังคมสงเคราะห์มองว่า “ไม่เหมาะสม ไม่ปกติ” และกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันมากว่า พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรมีขอบเขตการแสดงความรัก การสัมผัสลูกๆ ที่กำลังเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน และควรสอนเด็กให้รู้จักปกป้องตนเองอย่างไร


จากกรณีดราม่า “หนึ่ง จักรวาล” โพสต์คลิปหยอกล้อการแสดงความรักต่อลูกสาววัย 9 ขวบโพสต์ลงไอจี จนโด่งดังสนั่นโซเซียล #หนึ่งจักรวาล พุ่งติดเทรนด์อันดับหนึ่งไปแล้วในวันนี้ เพราะสิ่งที่คุณพ่อได้แสดงความรักต่อลูกสาว  ไม่ว่าจะเป็น จับพุง จับก้น หรือในคลิปก่อนๆโพสต์ไว้ เช่น เปิดเสื้อให้ดูดนมของคุณพ่อ ฯลฯ ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโชเขียลในเวลานี้ว่าเหมาะสมหรือไม่กับการกระทำในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อลูกสาว หลายคนมองว่า “ไม่เหมาะสม” และผู้ปกครองควรสอนเด็กให้รู้จักปกป้องสิทธิ์ขั้นฐาน 

มีผู้วิจารณ์เป็นจำนวนมากว่า หนึ่ง จักรวาล ทำเกินขอบเขตความเหมาะสมไปหรือไม่ กับการสัมผัสร่างกายของเด็ก เนื่องจากลูกสาวอายุ 9 ขวบแล้ว กำลังเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น จึงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่บางกลุ่มก็มองว่า เป็นการแสดงออกความรักปกติทั่วไป ซึ่งแต่ละบ้านมีกรอบและวิธีต่างกันออกไป

บางคนก็แนะให้ไปปรึกษาจิตแพทย์ หลังจากชาวเน็ตบางส่วนตามขุดคุ้ยคลิปเก่าๆ ของหนึ่ง จักรวาล ที่โพสต์ไว้ เจอการแสดงความรักแปลกแหวกแนวกับลูกสาว ทั้งให้ดูดนมคุณพ่อ  การกอดใต้ร่มผ้า เป็นต้น

ภรรยา และ หนึ่ง-จักรวาล ออกมาชี้แจง พร้อมขอโทษสังคม

“ตุ๊กติ๊ก" ภรรยา "หนึ่ง จักรวาล" ได้ออกมาชี้แจงว่า "รู้สึกตกใจที่เห็นข่าวดังกล่าว เพราะคลิปที่ออกมาที่พี่หนึ่งลงเป็นคลิปที่ตนเป็นคนถ่ายเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้จับก้นลูกนะคะ ตอนนี้อยู่หน้าลิฟต์แล้วลิฟต์เปิดออกมาพอดี พี่หนึ่งก็ดันลูกไปเพราะลูกยังไม่ยอมเดิน ทีนี้ด้วยความที่น้องมินมินอายุ 9 ขวบก็จริง แต่น้องดูเป็นคนตัวโตไปหน่อยเลยทำให้คนอาจจะคิดไปในทางอื่นได้ เราไม่โทษคนคิดต่าง ไม่ได้ว่าอะไรเลย เพราะทุกคนสามารถคิดได้และสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด และเขาก็แค่เป็นห่วงเรา

เอาจริงๆ ในมุมของเรานะ น้องมินมินก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ เรารู้อยู่แล้วว่าต่อไป หรือพอน้องโตขึ้นเราจะไม่สามารถแสดงความรักกันแบบนี้ได้อีกแล้ว และเขาก็อาจจะไม่มาสนิทหรือไปไหนมาไหนกับเราแล้ว เพราะเขาก็ต้องโตมีสังคมโรงเรียนและอื่นๆ เรามีขอบเขตของเราว่าเราแสดงความรักกับลูกได้แค่ไหน และทุกวันนี้เราก็นอนด้วยกัน กอด หอมกัน เป็นปกติที่ในบ้าน”

ล่าสุด "หนึ่ง จักรวาล" โพสต์ชี้แจงว่า "จากเรื่องราว ของโซเชียลที่เกิดขึ้นในวันนี้ เรื่องที่ผมจับก้นลูก หรืออะไรก็ตาม ก่อนอื่นผมต้องขออภัยและขอบคุณทุกคน ที่เป็นห่วง เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมองต่างมุม …ซึ่งผมก็ยอมรับและเข้าใจในความคิดเห็น ที่มองว่าไม่สมควร ต่อจากนี้ ผมจะระมัดระวังการแสดงออกความรักกับลูกให้เหมาะสมมากกว่านี้ครับ และผมขอสนับสนุนการแสดงออกถึงความรักในครอบครัว ให้อยู่ในขอบเขต และการเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน

เพจ “นักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง” ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง “ดราม่า หนึ่ง-จักรวาล” เมื่อ 28 ต.ค. ไว้ว่า 

กำลังเป็นกรณีดังในขณะนี้กับการที่นักดนตรีชื่อดังท่านหนึ่ง มีคลิปวีดีโอที่แสดงความรักต่อลูกสาวโดยการสัมผัสใกล้ชิดผ่านการจับหน้าอก บางคลิปมีการล้วงกางเกงเพื่อจับก้นลูกด้วย

ในเบื้องต้นแอดมินขอยืนยันว่าเด็กจำเป็นและคู่ควรที่จะได้รับความรักผ่านการสัมผัส เช่น กอด หอม จากพ่อแม่ แต่การสัมผัสเหล่านั้นต้องสอดคล้องกับขอบเขตที่เหมาะสม และเป็นไปด้วยความเต็มใจของเด็ก (ขอบเขตที่ไม่เหมาะสม แม้เด็กเต็มใจก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้)

หลักสูตรและการเรียนรู้ที่สำคัญในการสอนเด็กให้สามารถระบุภัยทางเพศ คือการสอนให้เด็กรู้จักความรู้สึกที่ดี และความรู้สึกที่ไม่ดี ควบคู่ไปกับการรู้จักอวัยวะในร่างกายของตนเอง และขอบเขตทางร่างกายที่รู้สึกปลอดภัย และลำดับขั้นการอนุญาตที่เด็กจะมีให้คนแต่ละคนเข้ามาใกล้ หรือสัมผัสอวัยวะแต่ละส่วนของเขา

กฎเหล็กที่สำคัญคือ ในกรณีที่เด็กสามารถจัดการธุระของตนเองได้ เช่น ล้างฉี่ ล้างก้นได้แล้ว แม้แต่คนใกล้ตัวเด็กมากที่สุดอย่างพ่อแม่ ก็ไม่ควรหรือไม่มีสิทธิที่จะจับ สัมผัส อวัยวะปกปิด ซึ่งประกอบไปด้วย หน้าอก ก้น อวัยวะเพศของเด็กได้อย่างปกติ ยกเว้นในกรณีที่เด็กเจ็บป่วยหรือต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องได้รับการดูแลเพียงเท่านั้น

เหตุที่เราจำเป็นต้องสอนเด็กเช่นนี้เพราะว่าถ้าเด็กถูกจับและสัมผัสอวัยวะปกปิดจนเป็นสิ่งปกติ เขาเองจะไม่เรียนรู้ขอบเขตที่เหมาะสมทางด้านร่างกายและเรียนรู้ความรู้สึกการเป็นเจ้าของเนื้อตัวร่างกายของเขาเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะถูกทารุณกรรมทางเพศจากผู้ใกล้ชิด และจากข้อมูลสถิติ ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กส่วนใหญ่คือบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ แอดมินเจอมาแล้วค่ะ พ่อแท้ ๆ ปู่แท้ ๆ น้า อา แท้ ๆ มีหมด

เวลาสอนเด็กเราจึงบอกเสมอว่าถ้ามีใครมาจับของสงวนในร่มผ้าเช่น ก้น นม อวัยวะเพศ ให้มาบอกพ่อแม่ หรือถ้าพ่อแม่จับก็ให้มาบอกคุณครู เพื่อที่เราจะได้ทำงานกับครอบครัวเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อแม่ยังไม่เข้าใจเราจำเป็นต้องให้พ่อแม่เข้าใจความจำเป็นในเรื่องนี้

สรุปประเด็นนี้นะคะ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พฤติกรรมที่คุณพ่อแสดงต่อน้องนั้น “ไม่เหมาะสม” ค่ะ 

แอดมินขอฝากทุกท่านว่าเรื่องนี้คือเรื่องไม่ปกติ ขอความกรุณาทุกท่านปฏิบัติต่อเด็กด้วยความเคารพต่อสิทธิความเป็นส่วนตัว ต่อเนื้อตัวร่างกายของพวกเขา 

เราเป็นผู้ใหญ่หน้าที่ของพวกเราคือการคิดเยอะ ๆ ค่ะ เพราะเกิดเหตุวิพากษ์วิจารณ์มาแม้พ่อแม่เองไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้นกับเด็กแน่นอน อย่างน้อย ๆ คือการมีรอยเท้าบนโลกออนไลน์ที่ครั้งหนึ่งพ่อและแม่พาเขาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้

เฟซบุ๊ก Drama-Addict - เน้นว่าควรสอนให้ลูกรู้ การถูกสัมผัสส่วนไหนไม่เหมาะสม

ด้านเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้เผยให้เห็นว่า เราควรจะสอนลูกอย่างไรว่าสัมผัสตรงไหนได้ สัมผัสตรงไหนไม่ได้ เช่น ส่วนที่สัมผัสแล้วถือว่าดี คือ จับมือ แปะมือ ไฮไฟว์, ส่วนที่สัมผัสแล้วถือว่าไม่ค่อยดี คือ จับหัว จับแก้ม จับพุง จับเข่า จับเท้า และส่วนที่ถือเป็นส่วนห้ามสัมผัสเลยคือ หน้าอก อวัยวะเพศ ก้น เป็นต้น

ทั้งนี้ วิธีการสอนลูกนั้น คือจำแนกว่า การสัมผัสแบบนี้เป็นการสัมผัสที่ดี คือ หากเด็กรู้สึกดีเมื่อได้รับการกอดหรือหอมแก้มหรือจูบในส่วนที่จับได้ จากคนที่รัก เช่น เมื่อพ่อแม่กอดลูกหลังจากลูกตื่น หรือเมื่อพ่อหอมแก้มหรือจูบหน้าผากเพื่อส่งลูกเข้านอน หรือเมื่อคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายมาเยี่ยม แล้วทุกคนกอดกัน แต่ การสัมผัสที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี เช่น หากมีใครมาเตะ ตี หยิก ตบ หรือการได้รับการสัมผัสในส่วนที่ไม่ควรสัมผัส

หากเด็กได้รับการสัมผัสในจุดที่ไม่ควรแล้ว ต้องบอกให้เด็กพูดปฏิเสธเช่น “อย่าทำ หยุดเดี๋ยวนี้เลย ถอยไปไกล ๆ หรือ หนูไม่ชอบ หรือ อย่าจับหนูแบบนั้น” และหากถูกจับเนื้อต้องตัวแบบนั้นแล้ว ควรบอกให้เด็กบอกพ่อแม่ คุณปู่คุณย่า บอกครู หรือบอกผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ที่เด็กไว้ใจ และอย่าให้เด็กสัญญาว่า จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ สอนเด็กว่า ใครก็ตามที่แตะเนื้อต้องตัวเด็กไม่ถูกไม่ควร เด็กไม่ควรจะรู้สึกผิด และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี แต่คนที่แตะเนื้อต้องตัวเราต่างหาก ที่เป็นคนไม่ดี ไม่ใช่เรา

จากกรณีดังกล่าวนี้มีคนดังในวงการบันเทิงและในแวดวงสังคมอีกจำนวนมากที่ได้ออกมาวิจารณ์เรื่องดังกล่าว ส่วนใหญ่ชี้ว่าไม่เหมาะสม ที่คุณพ่อแสดงความรักต่อลูกสาวในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการกระตุ้นเตือนสังคมให้ฉุกคิดไปถึงปัญหาทางสังคมที่ผู้หญิงและเด็กถูกกระทำอย่างไม่เหมาะสมมากขึ้น จากบุคคลในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดซึ่งเป็นภัยเงียบในสังคมปัจจุบัน

ติดต่อโฆษณา!