เปิดประเทศ เที่ยวแบบไม่กักตัว มีที่ไหนบ้าง?
Highlight
แม้สถานการณ์โควิดยังต้องจับตาและวางใจไม่ได้ แต่ธุรกิจท่องเที่ยวอั้นไม่ไหวแล้ว หลายๆ ประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างผ่อนปรนกฎและปรับตัวเพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตและเศรษฐกิจในประเทศได้เดินต่อ เงื่อนไขการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องเดินทางที่นักท่องเที่ยวจะต้องตรวจสอบเงื่อนไขการเข้าประเทศที่แตกต่างกันไป
ปี 2022 นี้ เราอาจจะได้ข่าวว่าหลายๆประเทศเริ่มพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว ให้กลับมาเดินทางได้อีกครั้ง หลายๆคนก็คงจะคิดถึงการเดินทางกันเเล้วใช่ไหม? จุดหมายปลายทางที่คนไทยสามารถไปได้ในช่วงนี้ โดยทำตามขั้นตอนของประเทศนั้น ๆ
รายชื่อ ประเทศที่เปิดรับนักเดินทางโดยไม่ต้องกักตัว แม้สถานการณ์โควิดยังต้องจับตาและวางใจไม่ได้ แต่ธุรกิจท่องเที่ยวอั้นไม่ไหวแล้ว หลายๆ ประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างผ่อนปรนกฎและปรับตัวเพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตและเศรษฐกิจในประเทศได้เดินต่อ
การออกกฎระเบียบสำหรับการกักตัวเมื่อเดินทางระหว่างประเทศมีขึ้นเพื่อลดการเดินทางเข้า-ออก หลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากที่หลายประเทศได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรของตัวเองกันอย่างกว้างขวางครอบคลุม ซึ่งมีการฉีดวัคซีนใน 184 ประเทศไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านโดส (ข้อมูลวันที่ 15 มีนาคม) หรือคิดเป็นอัตราฉีดต่อวันอยู่ประมาณ 21.2 ล้านโดส
ประกอบกับการมีวัคซีนพาสปอร์ตเพื่อยืนยันการได้รับวัคซีนครบถ้วนสำหรับแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อต้องเดินทางหรือเข้าสถานบริการตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ ทำให้มีการผ่อนปรนมาตราการการกักตัว ปรับลดจำนวนวันลงจนปลดล็อกนโยบายนี้ลงแล้วในหลายประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ฟิจิ เฟรนช์โปลินีเซีย อินเดีย ลาว มัลดีฟส์ เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทางเว็บไซต์ tiket2 ที่อ้างอิงข้อมูลรายอัปเดตจาก Reuters และ Bloomberg ทำการสรุปอัปเดตรายชื่อประเทศที่รับนักเดินทางจนถึงเดือนมีนาคมนี้ ที่ประกาศเปิดรับนักเดินทางให้เข้ามาในประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว และตรวจสอบข้อกำหนดรายละเอียดก่อนเข้าประเทศได้
นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ trip.com ได่รวบรวมรายชื่อกว่า 20 ประเทศที่ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามสถานการณ์โรคระบาดโควิดมีขึ้นมีลง อาจต้องเช็คซ้ำก่อนไปถึงเงื่อนไข กติกา ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
เชื่อว่าหลายประเทศเหล่านี้ไหนอยู่ในใจใครหลายคน จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันได้เลย
สหรัฐอเมริกา
- จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส อย่างน้อย 14 วัน
- ต้องสามารถแสดงหลักฐานยืนยันสถานะการฉีดวัคซีน COVID-19 ก่อนขึ้นเครื่องบินเดินทาง
- ทั้งนี้วัคซีนที่อนุมัติ ได้แก่ Moderna, AstraZeneca, Covishield, Pfizer/BioNTech, Johnson & Johnson, Sinopharm และ Sinovac
- ต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบโดสและถือเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนตามเงื่อนไข
- วัคซีนที่อนุญาตได้แก่ Moderna, AstraZeneca, Covishield, Pfizer/BioNTech, Johnson & Johnson, Sinopharm และ Sinovac
หากยังไม่ได้รับวัคซีนแต่มีความจำเป็นเช่น ไปแต่งงาน เข้ารับการรักษา ไปร่วมงานพิธี จำเป็นต้องมีใบรับรองผลตรวจ RT-PCR (อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง) หรือ antigen rapid test (อายุไม่เกิน 48 ชั่วโมง)
ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส ประเทศที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเที่ยวได้ แต่จะยอมรับเฉพาะวัคซีนที่ได้รับอนุญาตจาก European Medicines Agency (EMA) แล้ว ซึ่งจะมี Pfizer/BioNTech, AstraZeneca, Moderna, Johnson & Johnson และ Covishield
- ทุกวัคซีนจะต้องได้รับครบโดสก่อนเดินทางอย่างน้อย 14 วัน แต่สำหรับ Johnson & Johnson นั้นจะต้องได้รับมาแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์
เยอรมนี
เยอรมนี สำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศเยอรมนีนั้น ต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนตามกำหนดครบโดส อย่างน้อย 14 วัน จึงจะสามารถเดินทางเข้าเพื่อการท่องเที่ยวได้ วัคซีนที่ได้รับการอนุญาตคือ Moderna, AstraZeneca, Pfizer/BioNTech และ Johnson & Johnson, และจำเป็นต้องแสดงใบรับรองผลการตรวจเชื้อ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. หรือแบบ antigen test ไม่เกิน 48 ชม. ก่อนเดินทาง สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดให้แสดงหลักฐานการหายป่วยจากการติดเชื้อ ต้องเป็นผลการตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่มีอายุอย่างน้อย 28 วัน แต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน หากมีเอกสารรับรอง รวมถึงเป็นวัคซีนตามที่กำหนดก็สามารถท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว
จอร์เจีย
จอร์เจีย อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าเที่ยวจอร์เจียได้โดยไม่ต้องกักตัว และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเชื้อก่อนเดินทาง สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ต้องมาทดสอบ PCR แล้วได้ผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ต้องมีการติดตามผลในวันที่ 3 หลังจากเดินทางมาถึง รวมถึงต้องกรอกแบบสอบถาม รวมถึงระบุข้อมูลการติดต่อและประวัติการเดินทางอย่างชัดเจน
สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักร ผู้ที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักร ต้องฉีดวัคซีนครบโดสเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน หาเป็นการฉีดในหลายประเทศ ก็ต้องเป็นโปรแกรมที่ได้รับการรับรอง เช่น ฉีดใน ออสเตรเลีย+ญี่ปุ่น ฉีดใน สหราชอาณาจักร+สหรัฐอเมริกา ฉีดใน สหภาพยุโรป+แคนาดา ภายใต้การรับรองของ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและผู้ที่ฉีดวัคซีนในประเทศไทยบางชนิด จะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องรับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 2 หลังเดินทางถึงอังกฤษ โดยจองและชำระเงินค่าตรวจได้ตั้งแต่ก่อนเดินทางกรอก Passenger Locator Form ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
เวียดนาม
เวียดนาม ผู้เดินทางจะต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 เต็มรูปแบบ และเป็นวัคซีนที่ผ่านการรับรอง ซึ่งจะได้รับการยกเว้นจากการตรวจหาเชื้อเพิ่มเติมและการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงเวียดนาม และต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 14 วันก่อนออกเดินทางและไม่เกิน 12 เดือน (365 วัน) ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนแล้วต้องกักตัวเองเป็นเวลา 3 วันเมื่อเดินทางมาถึงที่พัก โดยในวันที่ 3 จะต้องตรวจหาเชื้อแบบ PCR ซึ่งจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง สำหรับผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องกักตัวเองเป็นเวลา 7 วันเมื่อเดินทางมาถึงที่พัก ในวันที่ 3 และ 7 จะต้องตรวจหาเชื้อแบบ PCR ซึ่งจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้ง 2 รอบต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ที่มีผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางมายังเวียดนามสำหรับผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะได้รับการตรวจหาเชื้อทันทีเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติฮานอยและสนามบินนานาชาติโฮจิมินห์ซิตี้ผู้เดินทางที่เดินทางมายังเวียดนามจะต้องมี ประกันสุขภาพ และแสดงใบประกันสุขภาพ เมื่อเดินทางมาถึง
มาเลเซีย
มาเลเซีย มาตรการเดินทางเข้ามาเลเซีย สำหรับผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสและได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ จะต้องกักตัวเป็นเวลา 5 วัน, ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นเวลา 2 วันก่อนการเดินทาง, ตรวจ RT-PCR อีกครั้งในวันที่เดินทางมาถึง และตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4 หรือ RTK-Ag ในวันที่ 5
สิงคโปร์
ผู้เดินทางจากประเทศไทยที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ได้ผ่าน Vaccinated Travel Land (VTL) ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ฉีดวัคซีนครบโดสตาม WHO Emergency Use Listing Vaccines เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางถึงประเทศสิงคโปร์
- แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ออกให้โดยประเทศสิงคโปร์
- แสดงหลักฐานผลตรวจ COVID-19 ด้วยวิธี PCR หรือ ART โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ตรวจภายใน 2 วันก่อนการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์
- เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ด้วยไฟลท์ VTL
- เข้ารับการตรวจ ART ด้วยตนเองภายใต้การกำกับดูแลที่ Quick Test Centre (QTC) หรือ Combined Test Centre (CTC) ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการเดินทางเข้ามายังประเทศสิงคโปร์
- ผู้เดินทางระยะสั้นที่ผ่านเงื่อนไข VTL สามารถสมัคร Vaccinated Travel Pass (VTP) ได้ที่ https://go.gov.sg/vtl-portal ในระยะเวลา 3 ถึง 60 วันตามปฏิทินก่อนวันเดินทางเข้า ผู้เดินทางต้องซื้อประกันการเดินทางที่มีมูลค่าประกันอย่างน้อย 30,000 ดอลล่าร์สิงคโปร์ โดยครอบคลุมค่ารักษา COVID-19
อนุญาตให้ผู้เดินทางจากอียู แคนาดา สหรัฐฯ อิสราเอล จีน ไทย รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย เดินทางเข้าประเทศไทย แต่ต้องมีแบบฟอร์มสุขภาพ และมีหลักฐานการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจเชื้อเป็นลบน้อยกว่า 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
ออสเตรเลีย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศออสเตรเลีย จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ได้รับการฉีดวัคซีนตามที่ทางการกำหนด (Full Vaccinated)
- มีใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ครบโดสเป็นภาษาอังกฤษ ที่ออกโดยสถานที่ราชการหรือสถานที่ ที่สามารถรับรองได้ (รวมถึงวัคซีนพาสปอร์ต) ภายในใบรับรองต้องประกอบด้วย ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ตามพาสปอร์ต ชื่อของวัคซีน วันที่ได้รับวัคซีนในแต่ละโดส หรือวันที่ได้รับวัคซีนครบ
- ได้รับวัคซีนตามที่ทางการออสเตรเลียอนุมติครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน
- มีผลตรวจโควิดแบบ PCR มีผลเป็นลบ ไม่เกิน 3 วันก่อนการเดินทาง
กรอกข้อมูล DIGITAL PASSENGER DECLARATION (DPD) ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง - นักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศออสเตรเลียด้วยวีซ่าท่องเที่ยว จำเป็นที่จะต้องกรอก Digital Passenger Declaration (DPD) ได้ที่เว็บไซต์ dpd.homeaffairs.gov.au
นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศเนปาล ต้องกรอก แบบฟอร์มการเดินทางออนไลน์สำหรับนักเดินทางระหว่างประเทศ และต้องได้รับวัคซีนก่อนออกเดินทางมาอย่าง 14 วัน นอกจากนี้ยังต้องมีผลตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนหน้า เมื่อออกเดินทางมาเนปาลด้วย
เดนมาร์ก
การเดินทางเข้าประเทศเดนมาร์กที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว (ในกลุ่มวัคซีนที่ต้องฉีดสองเข็ม ต้องได้รับวัคซีนเข็มที่สอง มาไม่เกิน 270 วัน) สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือตรวจหาเชื้อ คนไทยที่เคยได้รับเชื้อ และมีเอกสารยืนยันผลตรวจ RT-PCR เป็นลบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 11 วันและไม่เกิน 180 วัน สามารถเดินทางเข้าประเทศเดนมาร์กได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือตรวจหาเชื้อ
สวีเดน
บุคคลที่ได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่ประเทศไทยออกให้จะได้รับการยกเว้น กล่าวคือ สามารถเดินทางเข้าประเทศสวีเดนได้และไม่ต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด 19 อีก ก่อนเดินทาง สายการบินอาจจะขอให้แสดงหลักฐานผลตรวจโรคโควิด 19 ว่าไม่ติดเชื้อ
ไอซ์แลนด์
สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นทุกคนจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเดินทาง พร้อมทั้งแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส หรือใบรับรองการติดเชื้อก่อนหน้านี้ และต้องแสดงใบรับรองผลตรวจ RT-PCR (อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง) ก่อนขึ้นเครื่องบิน และยังมีข้อแนะนำให้นักท่องเที่ยวและต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Rakning C-19
อินเดีย
รัสเซีย
อิตาลี
- แสดงแบบฟอร์ม EU Digital Passenger Locator Form (dPLF)
- แสดงหลักฐาน COVID-19 Green Certificate ที่ได้รับจากกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบตามเกณฑ์
- กรณีมีผลการตรวจหาเชื้อแบบ Rapid Antigen Detection Test หรือแบบ Molecular Swab Test (Rt-PCR) เป็นลบ
- กรณีมีเอกสารรับรองอื่น ๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีถือว่าเทียบเท่า
- ในกรณีที่ผู้เดินทางไม่สามารถแสดงเอกสารได้ ผู้เดินทางจะต้องเข้ากักตัวในเคหสถานตามที่อยู่ที่ระบุไว้ใน dPLF เป็นระยะเวลา 5 วันและเมื่อสิ้นสุดระยะเวลากักตัว ผู้เดินทางจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อแบบ Rapid Antigen Detection Test หรือแบบ RT-PCR
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีได้รับการยกเว้นจากการตรวจหาเชื้อทั้งแบบ Rapid Antigen Detection Test และแบบ RT-PCR
ตุรกี
อิสราเอล
กฎการเดินทางและข้อบังคับของแต่ละประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ใครอยากเดินทางไปไหน เช็กข้อมูลให้ดีก่อนการเดินทาง โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดในขณะนั้น ✈️
อ้างอิง : trip.com , Spring News
ขอบคุณภาพจาก : trip.com