น่านฟ้าไต้หวัน-เขตอันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไป “ไทเป”
Highlight
การทัวร์เอเชียของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดพบปะกับนายกฯญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวในวันนี้ (5 ส.ค.) ก่อนบินกลับสหรัฐฯ แต่ร่องรอยการมาเยือนครั้งนี้ ยังคงทำให้อุณหภูมิการเมืองแถบนี้ร้อนระอุไม่จบ จีนยังคงซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ญี่ปุ่นโวย ขีปนาวุธ 5 ลูกจากจีนที่ยิงเข้ามาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น ส่งผลให้ญี่ปุ่นออกมาประท้วงอย่างรุนแรง หลายสายการบินของประเทศที่ ‘เพโลซี’ มาเยือนพากันหยุดบินในช่วงนี้ หวั่นไม่ปลอดภัย ด้าน UN อ้างเกาหลีเหนือยังซุ่มทดสอบนิวเคลียร์
สายการบินหลายแห่งในเอเชีย ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ประกาศยกเลิกเที่ยวบินไปยังกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน และปรับเปลี่ยนเส้นทางการบินเพื่อหลีกเลี่ยงการบินผ่านฟ้าที่ถูกปิด เนื่องจากจีนปฏิบัติการซ้อมรบทางทหารเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
จีนได้แจ้งให้สายการบินต่าง ๆ หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางรอบเกาะไต้หวัน โดยจีนกำหนดให้พื้นที่น่านฟ้าจำนวน 6 จุดเป็น “เขตอันตราย” และสั่งห้ามเครื่องบินใช้เส้นทางดังกล่าวตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาไทย) ไปจนถึงเวลา 12.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาไทย)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ว่าสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่การซ้อมรบของจีนได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
สายการบินโคเรีย แอร์ไลน์ ได้ยกเลิกเที่ยวบินระหว่างกรุงโซลและกรุงไทเปในวัน 5-6 ส.ค. และจะทำการดีเลย์เที่ยวบินในวันอาทิตย์นี้เนื่องจากจีนปฏิบัติการซ้อมรบ
ขณะที่สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ประกาศยกเลิกเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์และกรุงไทเปในวันนี้ โดยระบุว่าเป็นผลกระทบจากการปิดน่านฟ้า และทางสายการบินจะจับตาสถานการณ์การซ้อมรบของจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาว่าควรมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางบินเพิ่มอีกหรือไม่
ทางด้านสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกของฮ่องกง ได้ตัดสินใจหลีกเลี่ยงเส้นทางบินที่ต้องผ่านน่านฟ้าไต้หวัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจทำให้ต้องมีการบินอ้อม และทำให้เที่ยวบินบางเที่ยวต้องใช้เวลาในการบินมากขึ้น
ส่วนสายการบินเอเอ็นเอ โฮลดิ้งส์ และสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ของญี่ปุ่น ยังคงให้บริการเที่ยวบินไปยังไทเปตามปกติ แต่จะหลีกเลี่ยงการบินผ่านน่านฟ้าที่ถูกสั่งปิด เนื่องจากจีนปฏิบัติการซ้อมรบ
ข้อมูลจาก FlightRadar24 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการติดตามเที่ยวบินระบุว่า สายการบินไชน่า แอร์ไลน์ และสายการบินอีวีเอ แอร์เวย์ส คอร์ป ของไต้หวัน ยังคงให้บริการเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากไต้หวันในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่สายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ รวมทั้งเครื่องบินขนส่งของบริษัทเฟดเอ็กซ์ และบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ตัดสินใจหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ต้องบินผ่านน่านฟ้าที่ถูกสั่งปิดเนื่องจากปฏิบัติการซ้อมรบของจีน
ทางด้านบริษัท OPSGROUP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการบินเปิดเผยว่า การที่จีนปฏิบัติการซ้อมรบทางทหารในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการบินที่สำคัญระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทำให้เครื่องบินต้องบินอ้อมและต้องใช้เวลาในการบินนานขึ้น และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น
ทัวร์ของ แนนซี เพโลซี จากสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไต้หวัน -เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีกำหนดพบปะกับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวในวันนี้ (5 ส.ค.) หลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนไต้หวัน โดยทางการจีนแสดงความไม่พอใจต่อการเดินทางเยือนดังกล่าว และตอบโต้ด้วยการซ้อมรบ รวมถึงการยิงขีปนาวุธจำนวน 5 ลูกตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทริปเยือนไต้หวันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าของนางเพโลซีในช่วงเย็นวันที่ 2 ส.ค. ถึงช่วงเช้าวันที่ 3 ส.ค. เป็นการเดินทางเยือนเกาะไต้หวันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ รู้สึกกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากอิทธิพลของจีนที่แผ่ขยายออกไปภายในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และความเป็นไปได้ที่จีนจะใช้กำลังทหารต่อไต้หวัน
นอกจากนี้ ขีปนาวุธ 5 ลูกจากจีนที่ยิงเข้ามาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น ส่งผลให้ญี่ปุ่นออกมาประท้วงอย่างรุนแรงผ่านช่องทางเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นเตือนว่า การข่มขู่คุกคามไต้หวันของจีนเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ด้านพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ยังให้คำมั่นว่า จะเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายทางทหารขึ้น 2 เท่า เป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่น และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตกลงร่วมกันในวันนี้ (5 ส.ค.) ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อรับประกันสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน หลังการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีสร้างความไม่พอใจให้กับจีน และนำมาซึ่งการตอบโต้ด้วยการซ้อมรบ ซึ่งทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดขึ้น
นายคิชิดะแสดงความหวังว่า นางเพโลซีจะยังคงแสดงความเป็นผู้นำในการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีและสร้างภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ทั้งสองประเทศผลักดันเพื่อรักษาประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
“เรายืนยันว่าเราจะทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าช่องแคบไต้หวันจะมีสันติภาพและเสถียรภาพต่อไป” นายคิชิดะกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการพบปะกับนางเพโลซีระหว่างรับประทานอาหารเช้า
นายคิชิดะกล่าวว่า “พฤติกรรมของจีนสร้างผลกระทบร้ายแรงให้กับสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคและของโลก และผมขอเรียกร้องให้จีนหยุดการซ้อมรบในทันที”
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นางเพโลซีเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นทริปสุดท้ายของการเดินทางเยือนเอเชีย ซึ่งนางเพโลซีได้เดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยหลายชั่วโมงก่อน
UN อ้างเกาหลีเหนือยังคงซุ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รายงานลับของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า เกาหลีเหนือได้เตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
รายงานของผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรอิสระที่ส่งถึงคณะกรรมการการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ระบุว่า “การทำงานที่ฐานทดสอบนิวเคลียร์ปุงเกรี เป็นการปูทางไปสู่การทดสอบนิวเคลียร์เพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์”
รายงานระบุว่า “เกาหลีเหนือยังคงพัฒนาความสามารถในการผลิตวัสดุฟิสไซล์ (fissile material) ที่ฐานนิวเคลียร์ยองเบียน” โดยยองเบียนเป็นศูนย์นิวเคลียร์สำคัญของเกาหลีเหนือที่เปิดดำเนินการเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรกของเกาหลีเหนือ
ผู้ตรวจสอบของ UN ยังกล่าวด้วยว่า การตรวจสอบแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือเป็นผู้ต้องรับผิดในการขโมยสินทรัพย์คริปโทฯ มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการแฮกครั้งใหญ่อย่างน้อย 1 ครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้ตรวจสอบได้กล่าวหาว่า เกาหลีเหนือทำการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
รายงานระบุว่า “กิจกรรมทางไซเบอร์อื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไป โดยเน้นไปที่การขโมยข้อมูล และมีการใช้วิธีการดั้งเดิมมากขึ้นเพื่อให้ได้รับข้อมูลและวัสดุที่มีมูลค่าสำหรับโครงการต้องห้ามของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD)
ที่มา : รอยเตอร์