มหาอำนาจโชว์แกร่งทางยุทธศาสตร์ สหรัฐฯ ใช้เรือรบไร้คนขับเสริมทัพโซนอินโด-แปซิฟิก ด้านรัสเซียซ้อมรบครั้งใหญ่ หลายประเทศเข้าร่วม
Highlight
กองทัพสหรัฐฯ ใช้เรือรบไร้คนขับลาดตระเวณในพื้นที่อินโด-แปซิฟิก เพื่อเสริมทัพทางทหารในภูมิภาคนี้และเพื่อต้องการคานอำนาจกับจีน ทั้งนี้เรือไร้ครขับหรือบางครั้งเรียกว่าเรือโดรน สามารถดำน้ำลึกได้หรือเคลื่อนที่บนผิวน้ำ โดยมีราคาที่ถูกลง และยังช่วยลดความเสี่ยงของชีวิตกำลังพลด้วย ซึ่ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้กำลังมีโครงการพัฒนาเรือชนิดอยู่เช่นกัน ด้านรัสเซียประกาศซ้อมรบครั้งใหญ่ จีน อินเดีย ลาว ร่วมด้วย
สำนักข่าว VOA เผย สหรัฐให้น้ำหนักกับบทบาทด้านการทหารของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กองทัพเรือสหรัฐฯ หันมาพึ่งพาเรือรบไร้คนขับเพื่อเสริมทัพในภูมิภาคนี้บ้างแล้ว
ทั้งนี้ VOAได้เข้าไปสำรวจเรือไร้คนขับหนึ่งใน 4 ลำใหม่ Sea Hunter, Seahawk, Nomad และ Ranger เข้ามาเสริมทัพให้กับของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในฤดูร้อนปีนี้
นาวาโท เจเรไมห์ เดลีย์ ผู้บังคับการกองเรือผิวน้ำไร้คนขับที่หนึ่ง (Unmanned Surface Vessel Division One - USVDIV-1) แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวกับวีโอเอว่า เรือไร้คนขับลำนี้ ไม่มีระบบน้ำ ไม่มีห้องน้ำ เรือมีหน้าที่ล่องไปตามท่าเรือต่าง ๆ โดยมีการควบคุมของมนุษย์ให้เคลื่อนที่ไปยังจุดหมายอย่างปลอดภัยเท่านั้น
นาวาโท เดลีย์ เป็นผู้บังคับการกองเรือผิวน้ำไร้คนขับ หรือที่เรียกว่า ‘เรือโดรน’ หน่วยแรกของกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า เรือไร้คนขับเหล่านี้ยังมีทหารคอยควบคุมในระยะเริ่มต้น และวันหนึ่งเรือเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทช่วยให้กองทัพเรือสหรัฐฯ สามารถลาดตระเวนในน่านน้ำอันกว้างใหญ่ 165 ล้านตารางกิโลเมตรของมหาสมุทรแปซิฟิกได้ดียิ่งขึ้น
นาวาโท เดลีย์ เพิ่มเติมว่า มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นน่านน้ำที่กว้างใหญ่ และการมีส่วนผสมของระบบเรือไร้คนขับเข้ามากับการลาดตระเวณโดยกองทัพเรือแบบดั้งเดิม จะช่วยให้เพิ่มศักยภาพในการระบุเป้าหมายและความสามารถในการเชื่อมต่อไม่เพียงแต่ภายในกองทัพสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงของประเทศหุ้นส่วนด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และจีน มีโครงการพัฒนาเรือไร้คนขับเพื่อเสริมทัพในน่านน้ำนี้เช่นกัน
แรนดี ไชรเวอร์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการความมั่นคงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กล่าวว่า เทคโนโลยีเรือโดรน มีบทบาทสำคัญในการรักษาความเป็นเสรีและเปิดกว้างของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่กำลังเผชิญกับการขยายอิทธิพลของกองทัพเรือที่รุกหนักขึ้น
ไชร์เวอร์ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวกำลังถูกทดสอบมากขึ้นเรื่อย ๆ และว่าพาหนะที่เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติหรือไร้คนขับ ที่สามารถดำน้ำลึกได้หรือเคลื่อนที่บนผิวน้ำมีราคาที่ถูกลง และสิ่งนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของชีวิตกำลังพลด้วย
อย่างไรก็ตาม ในรายงานล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แสดงความกังวลว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดสรรระบบขนส่งของเรือไร้คนขับมากน้อยแค่ไหน
เจมส์ ซีเบนส์ นักวิชาการด้านกลยุทธ์กลาโหม จากสถาบัน Stimson Center แสดงความกังวลว่า เรือรบไร้คนขับอาจกลายเป็นเป้าหมายทางการทหารที่น่าดึงดูดขึ้นมา โดยเฉพาะกับจีนที่อาจมองว่าเรือไร้คนขับเป็นเป้าหมายที่สามารถใช้ในการทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธต่อต้านเรือรบได้
แต่นอกเหนือจากความกังวลดังกล่าว ซีเบนส์ เชื่อว่า เรือไร้คนขับอาจมีบทบาทสำคัญต่อการรับมือการปิดล้อมของจีนรอบ ๆ เกาะไต้หวันได้ โดยไม่ต้องให้ทหารของอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยง
ในรายงานสมุดปกขาวฉบับล่าสุดของจีน รัฐบาลปักกิ่งยุติการให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ส่งทหารไปยังไต้หวัน ซึ่งไชรเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ยืนยันว่า สหรัฐฯ ต้องลงทุนในเทคโนโลยีการทหารใหม่ เพื่อรักษาสันติภาพน่านน้ำสำคัญของโลก ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ควรคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา แต่ ณ เวลานี้ นี่คือการเพิ่มพูนไม่ใช่การลดทอนศักยภาพด้านเทคโนโลยีกลาโหมสหรัฐฯ
นาวาโท เดลีย์ ผู้บังคับการกองเรือผิวน้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า กองเรือผิวน้ำไร้คนขับควรเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯ ภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
รัสเซียจัดซ้อมรบครั้งใหญ่ จีน อินเดีย ลาว เข้าร่วม
รัสเซียประกาศในวันจันทร์ว่า จะเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศซึ่งจะรวมทหารจากหลายประเทศ รวมทั้งจีน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ทางทหารที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศนี้ท่ามกลางความตึงเครียดกับชาติตะวันตกและสงครามยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า การซ้อมรบ วอสตอก 2022 (Vostok 2022) ทางภาคตะวันออก จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 กันยายน ในหลายพื้นที่ทั้งในแถบตะวันออกไกลและทะเลญี่ปุ่น โดยจะมีทหารเข้าร่วมมากกว่า 50,000 คน หน่วยอาวุธเคลื่อนที่มากกว่า 5,000 หน่วย รวมทั้งเครื่องบิน 140 ลำ เรือรบ 60 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล เครื่องบินลำเลียงทางทหาร และทหารพลร่ม
ประเทศที่จะส่งทหารเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ ได้แก่ ประเทศอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตหลายประเทศ จีน อินเดีย ลาว มองโกเลีย นิคารากัว และซีเรีย
ก่อนหน้านี้ กองทัพรัสเซียเน้นย้ำว่าการซ้อมรบครั้งนี้คือส่วนหนึ่งของแผนการฝึกรบที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแม้รัสเซียกำลัง "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" ในยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองทัพเรือรัสเซียและจีนจะร่วมฝึกในทะเลญี่ปุ่นเพื่อปกป้องการสื่อสารทางทะเล กิจกรรมทางเศรษฐกิจทางทะเล และสนับสนุนหน่วยรบภาคพื้นดิน
การซ้อมรบครั้งนี้สะท้อนความสัมพันธ์ทางทหารที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียกับจีนในช่วงที่รัสเซียส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน ซึ่งที่ผ่านมา จีนปฏิเสธการประณามการกระทำของรัสเซีย และยังตำหนิชาติตะวันตกที่ใช้มาตรการลงโทษต่อรัสเซีย
ขณะที่รัสเซียก็สนับสนุนจีนอย่างเต็มที่ท่ามกลางความตึงเครียดกับสหรัฐฯ สืบเนื่องจากกรณีที่ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อต้นเดือนนี้
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รัสเซียและจีนได้ซ้อมรบร่วมกันหลายครั้งทั้งในทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออก และเมื่อปีที่แล้ว รัสเซียได้ส่งทหารไประจำการในเขตพรมแดนของจีนเป็นครั้งแรกเพื่อทำการซ้อมปฏิบัติการทหารร่วมกันด้วย
แม้ที่ผ่านมา รัสเซียและจีนต่างปฏิเสธความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารขึ้นมาใหม่ แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แย้มว่า ยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จริง และว่ารัสเซียได้แบ่งปันเทคโนโลยีระดับสูงทางการทหารกับจีนมาโดยตลอด ซึ่งช่วยยกระดับศักยภาพทางทหารของสองประเทศได้
ที่มา : วีโอเอ, เอพี