ให้เงินทำงาน! ลิซ ทรัสต์ นายกฯ ป้ายแดงอังกฤษ ทุ่มงบ 5 ล้านล้านบาท ช่วยลดค่าไฟฟ้าประชาชน
Highlight
ประเทศอังกฤษประกาศนางลิซ ทรัสส์ เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ และเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) แทนนายบอริส จอห์นสัน ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางทรัสส์ซึ่งได้เริ่มงานทันทีพร้อมจัดงบประกว่า 5 ล้านล้านบาท อุดหนุนค่าไฟฟ้าลดความเดือดร้อนประชาชน ทั้งนี้ “ลิซ ทรัสส์” นับเป็นอีกหนึ่งผู้นำที่น่าจับตา โดยก่อนหน้าเคยประกาศว่าหากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะไม่ปฏิเสธการใช้ “นิวเคลียร์”
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ลิซ ทรัสส์ได้ร่างแผนการที่จะแก้ไขค่าไฟฟ้าและก๊าซรายปีสำหรับครัวเรือนในสหราชอาณาจักรให้ต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 1,971 ปอนด์ (2,300 ดอลลาร์)
ลิซ ทรัสส์ หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมและนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ ซึ่งเธอได้รับชัยชนะในการโหวตเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สามของประเทศอังกฤษได้สำเร็จและทำงานทันที ว่าด้วยเรื่องเร่งด่วนการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของประชาชน
ในการหารือกับทีมของเธอและเจ้าหน้าที่ของรัฐในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางทรัสต์ได้ตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของค่าพลังงานที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้า ภายใต้ระบบการกำหนดราคาที่มีอยู่ โดยมาตรการตามข้อเสนอแนะของทีมที่ปรึกษาและเจ้าหน้า แผนกล่าวอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 130 พันล้านปอนด์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า ตามเอกสารนโยบายที่บลูมเบิร์กรายงาน
ทั้งนี้ค่าไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้น 80% จากเดือนตุลาคมเป็น 3,548 ปอนด์ต่อปีสำหรับครัวเรือนโดยเฉลี่ย ทำให้ครอบครัวที่ยากจนจำนวนมากต้องเลือกระหว่างการใช้พลังงานเพื่อสร้างความอบอุ่นในบ้านกับเรื่องพื้นฐานอื่นๆ
นางทรัสส์ มีกำหนดจะเดินทางไปยังปราสาท Balmoral ในสกอตแลนด์ในวันอังคารเพื่อพบกับ Queen Elizabeth II ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในฐานะทายาทของ Boris Johnson ในฐานะนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เธอตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะคิดหาทางแก้ไขราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวและธุรกิจในสหราชอาณาจักร เนื่องจากรัสเซียปิดการจ่ายก๊าซไปยังยุโรปเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นหลังจากการรุกรานยูเครน
ตลาดสเตอร์ลิงร่วงลงในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนชัยชนะของ นางทรัสต์ โดยนักลงทุนระมัดระวังแผนการลดภาษีของเธอ แม้ว่าจะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่กระทบกับค่าเงินปอนด์ ผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการให้บริษัทอังกฤษให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ
ประวัติ ลิซ ทรัสส์ ก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ
การประกาศรายชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ซึ่งผู้ชนะนอกจากจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ยังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ด้วย เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และนางทรัสต์ คว้าชัยชนะไว้ได้
ลิซ ทรัสส์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2564 โดยก่อนหน้านั้น เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีและความเท่าเทียมในปี 2562 เธอเป็นสมาชิกสภาจากนอร์โฟล์คตะวันตกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปี 2553 และเคยร่วมงานคณะรัฐบาลมาตั้งแต่ยุคการบริหารประเทศของนายเดวิด คาเมรอน นางเทเรซา เมย์ และนายบอริส จอห์นสัน
ประวัติส่วนตัวและด้านการศึกษา ด้านชีวิตส่วนตัว ลิซ ทรัสส์ เกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2518 ปัจจุบันอายุ 47 ปี สมรสแล้วกับนายฮิวจ์ โอเลียรี และมีบุตร 2 คน เธอจบการศึกษาจากวิทยาลัยเมอร์ตัน ในออกซ์ฟอร์ด และเป็นเด็กทำกิจกรรมตั้งแต่เรียนในระดับมหาวิทยาลัย เธอเคยเป็นประธานของพรรคเสรีประชาธิปไตยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อจบการศึกษาในปี 2539 เธอก็เข้าร่วมกับพรรคอนุรักษนิยม และในเวลาเดียวกันก็ทำงานประจำที่บริษัทเชลล์ เคเบิล แอนด์ ไวร์เลส ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัท
การก้าวสู่สนามการเมือง ลิซ ทรัสส์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2553 เธอขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยาวชนและการศึกษา ในปี 2555-2557 จากนั้นก็เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมในสมัยของนายเดวิด คาเมรอน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในปี 2557
หลังนายคาเมรอน ประกาศลาออกในปี 2559 และนางเทเรซา เมย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทรัสส์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนับเป็นสตรีรายแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ของอังกฤษในรอบหนึ่งพันปี ต่อมาในปี 2560 เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถึงเดือน ก.ค. 2562
หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ประกาศลาออกในปี 2562 ทรัสส์สนับสนุนให้นายบอริส จอห์นสันขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยม และเขาก็แต่งตั้งให้เธอเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ก่อนจะย้ายมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทนนายโดมินิก ร้าบ ในปี 2564 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เธอยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้เจรจาในเวทียุโรป-สหราชอาณาจักร อีกด้วย
ลิซ ทรัสส์ ถูกจารึกในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ หลังประสบชัยชนะในการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษ ด้วยการเอาชนะนายริชี ซูแนค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยคะแนน 81,326 เสียง ต่อ 60,399 เสียง
ทั้งนี้ ผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ต่อจากนายบอริส จอห์นสัน ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือน ก.ค. แต่ต้องรอให้นายจอห์นสันยื่นหนังสือลาออกต่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก่อน จากนั้น ควีนจะทรงประกาศแต่งตั้งนางทรัสส์เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างเป็นทางการ
การชนะการเลือกตั้งดังกล่าวทำให้นางทรัสส์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอังกฤษในรอบ 6 ปี
นางทรัสส์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ม.ค. ปี 2568 แต่คาดว่านางทรัสส์จะมีความยินดีต่อชัยชนะได้ไม่นาน ก่อนที่จะกลับสู่ความเป็นจริงในการเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของอังกฤษ
ซิตี้กรุ๊ป ออกรายงานเตือนว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษจะพุ่งทะลุ 18% ในเดือนม.ค.2566 โดยได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของอังกฤษ เนื่องจากนางทรัสส์มีนโยบายปรับลดอัตราภาษี รวมทั้งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนของอังกฤษ
นอกจากนี้เธอยังเคยประกาศว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ จะไม่ปฏิเสธการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ !
ซึ่งต้องติดตามกันว่า สตรีหญิงแกร่งคนนี้จะนำพาประเทศอังกฤษไปในทิศทางใด
อ้างอิง :
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-05/truss-earmarks-130-billion-to-keep-uk-energy-bills-below-2-000