สินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขายหนักอีกครั้ง นักลงทุนผวา Fed ขึ้นดอกเบี้ย 1% และคาดว่ายุโรปกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
Highlight
ความกลัวเกี่ยวเศรษฐกิจยุโรปถดถอยมีมากขึ้นจากการสำรวจของ Bloomberg ประกอบกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ 0.75-1% นอกจากนี้ Bond yield อายุ 2 ปีสหรัฐฯ ปรับขึ้นแตะระดับ 3.95% สูงในรอบหลายปี สร้างความกังวลในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้น และคริปโทที่มูลค่าตลาดรวมลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และเงินทุนไหลออกจากเอเชียกลับไปยังตลาดเงินสหรัฐฯ อีกครั้ง
ความเสี่ยงจาก Recession(ภาวะถดถอย) ในยุโรปได้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เนื่องจากความกลัวว่าการขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาวจะนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
Bloomberg ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ ชี้ว่าแนวโน้มการหดตัวสองไตรมาสติดต่อกันในอีก 1 ปีข้างหน้าที่ 80% เพิ่มขึ้นจาก 60% จากการสำรวจครั้งก่อน เยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มและเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการลดอุปทานก๊าซ มีแนวโน้มที่จะหดตัวเร็วที่สุดในไตรมาสนี้อีกด้วย
ด้านครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ ในยุโรปกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งส่วนพลังงานที่เป็นไปได้ หลังจากที่รัสเซียลดการจ่ายก๊าซไปยังภูมิภาค และกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์และการขาดแคลนอุปทานอื่นๆ การสำรวจธุรกิจส่งสัญญาณว่าได้ลดลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และได้มีการปรับปรุงในระยะสั้นเพียงเล็กน้อย
ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะสูงสุดที่ 9.6% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเกือบห้าเท่าของเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป Respondents ไม่เห็นแนวทางสู่เป้าหมาย 2% ภายในปี 2567
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ ECB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะซบเซาเท่านั้น ไม่หดตัว เมื่อพวกเขาปรับปรุงนโยบายการเงินในเดือนนี้ พวกเขาตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อการเติบโตและแนวโน้มเงินเฟ้อของภูมิภาค
ประธานาธิบดี Christine Lagarde และทีมงานได้ให้เหตุผลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวงกว้างขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาที่จะควบคุมการเติบโตของราคา แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเวลาของพวกเขาสำหรับการดำเนินการดังกล่าวกำลังจะหมดลงแล้ว
ขณะนี้ Respondents คาดว่า ECB จะยุติรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ แต่ปรับขึ้นอัตราสูงสุดที่ 2% สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากภายในเดือนกุมภาพันธ์ มากกว่าครึ่งคาดว่าจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของ ECB ในเดือนตุลาคม
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Philip Lane กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของ ECB ในเดือนนี้นั้น เหมาะสมแล้ว อนาคตก็อาจปรับขึ้นได้ตามสถานการณ์
โนมูระ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1% ในการประชุม 20-21 ก.ย.นี้
ติดตามการประชุม FOMC วันที่ 20-21ก.ย.นี้ (รู้ผล 22 ก.ย. ตามเวลาไทย) ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ Nomura คาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 100bps สู่ 3.25-3.5% ขณะท่ีตลาดคาดจะขึ้นดอกเบี้ย75bps นอกจากนี้แนะนำติดตามรายงาน Dot Plot ซึ่งเห็นการคาดการณ์ดอกเบี้ยท่ีสูงขึ้นจนปลายทางดอกเบี้ย(terminalrate) อยู่เหนือระดับ 4% ในปี 2023 ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับลดลงในปี 2024 ส่รูะดับ 2.5% ในระยะยาวหนุน Bond Yield สหรัฐ ขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบหลายปีต่อเนื่อง
ล่าสุดอายุ 2 ปีอยู่ที่ระดับ 3.95% ถ่างส่วนต่างดอกเบี้ยกดค่าเงินบาทยังอยู่ในโซนอ่อนค่า 37+/- บาท จำกัดกรอบการปรับขึ้นสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นเชิงกลยุทธ์ หาจังหวะอ่อนตัวสะสมหุ้นไทยเพื่อรองรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เน้นลงทุนหุ้นธีมหลัก Anti-Commodity, Consumer และ Yield Surge เล็งสลับการเก็งกาไรหุ้น รยากลุ่มที่มีประเด็นบวกรายวัน อาทิ ท่องเที่ยว (ERW), พลังงานสะอาด (GPSC) และกลุ่มสื่อ (ONEE, BEC)
บล.ฟินันเซีย ไซนัส ประเมินว่าล่าสุด Bond Yield 2 ปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นต่อเนื่องเฉียด 4% ขณะท่ี 10 ปีแตะ 3.5% ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน สินทรัพย์เสี่ยงและยังเป็นสัญญาณเตือนเกิด Recession ในปีหน้า อย่างไรก็ตามยังคงให้มุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นโดยเฉพาะใน 4Q22 ที่จะเข้า HighSeason ของการท่องเที่ยวคาดหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play รวมถึงทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง ช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในระยะนี้ รวมถึงคาดว่าจะทำให้กระแสเงินทุนยังค่อนไปในทิศทางไหลเจ้าในระยะกลาง-ยาว
อ้างอิงจาก coingecko.com เมื่อเวลา 10.55 น.ของวันที่ 20 ก.ย. 2565 มูลค่าตลาดรวมของ คริปโทเคอเรนซี ลดลงเหลือเพียงประมาณ 980,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาบิทคอยน์อยู่ที่ 19,410 ดอลลาร์สหรัฐ และอีเธอเรียม อยู่ที่ 1,357 ดอลลาร์สหรัฐ
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-19/euro-area-recession-now-looks-almost-inevitable-to-economists