เจาะเทรนด์เที่ยวยุคใหม่ สไตล์ Wellness Tourism กับ 5 แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชียที่น่าจับตามอง

เจาะเทรนด์เที่ยวยุคใหม่ สไตล์ Wellness Tourism กับ 5 แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชียที่น่าจับตามอง
Highlight

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism เป็นการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อทำธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำกิจกรรมที่ส่งเสริมหรือฟื้นฟูบำบัดรักษาสุขภาพรวมไปด้วย ซึ่งหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 ส่งผลให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องของการดูแลสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ผู้สูงอายุ แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนวัยทำงาน ประกอบกับกระแสการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง เทรนด์ ‘Wellness Tourism’ จึงมีความสำคัญและเป็นความหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูให้การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง


รายงานของ Global Wellness Institute ในปี 2561 แสดงให้เห็นว่า Wellness Tourism ในทวีปเอเชีย มีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้น 33% แตะจำนวน 258 ล้านทริปภายในช่วงเวลาแค่ 2 ปี

ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของเอเชียที่มีธรรมชาติหลากหลาย พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญของโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดย  TATReview จึงขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจาก 5 ประเทศในเอเชียที่น่าสนใจ มีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย

ซาปา : ประเทศเวียดนาม

ซาปา หรือ “เมืองในสายหมอก” เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มี highlight สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชม และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวเขา พร้อมสัมผัสทัศนียภาพและความสวยงามของนาขั้นบันได สำหรับใครที่เป็นสายผจญภัย สามารถปีนขึ้นยอดเขาฟานซีฟันที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,147 เมตรได้เช่นกัน

เซนได : ประเทศญี่ปุ่น

ตั้งอยู่ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ของภูมิภาคโทโฮกุ นอกจากความเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจแล้ว เซนไดยังเมืองเกษตรกรรมและแหล่งปลูกข้าวสายพันธุ์ดีของญี่ปุ่น เป็นเมืองสีเขียวขนาดใหญ่เนื่องจากมีต้นไม้เยอะ รายล้อมไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ผังเมืองที่เป็นระเบียบทำให้เอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยว โดยเซนไดมีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแช่ออนเซนหรือน้ำพุร้อนธรรมชาติการท่องเรือตกปลา เล่น Sup Board รวมไปถึงการปั่นจักยานชมทิวทัศน์

เกาะโบราไกย : ประเทศฟิลิปปินส์

เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีพื้นที่ทั้งหมดเพียง 10.32 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ธรรมชาติที่สวยงามทำให้เกาะโบราไกยติดอันดับ Top 10 ทะเลที่สวยที่สุดในโลก และเคยถูกโหวตให้เป็น Top 5 เกาะที่ดีที่สุดในโลกจากนิตยสาร Travel & Leisure ถึงจะมีขนาดเล็กแต่โบราไกยก็มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้า ดำน้ำสกูบา เล่น Surf กระโดดร่มพาราเซล และยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเกาะได้แบบ 360 องศา ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยเป็นอย่างยิ่ง

บ้านโคกไคร จังหวัดพังงา : ประเทศไทย

สปาโคลนร้อน หาดทรายร้อน และน้ำเค็มร้อนแห่งเดียวในประเทศไทยที่รู้จักกันในชื่อ “หาดน้ำร้อน” ตั้งอยู่ในพื้นที่คลองมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นเส้นทางทริปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ประกอบไปด้วยการนั่งเรือชมธรรมชาติและวิถีชุมชน การแช่น้ำร้อน และพอกโคลนร้อนตามจุดที่ต้องการ��� โดยหนึ่งเดือนจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวเพียง 10 วันเท่านั้น จึงเป็นกิจกรรมที่หาได้ยากและน่าสนใจมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการผ่อนคลายด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง

มันได : ประเทศสิงคโปร์ 

เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เชื่อมต่อ 5 โซนหลักด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens) ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นแหล่งมรดกโลก นอกจากมันไดจะใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือทำกิจกรรมแล้ว ยังมีสนามเด็กเล่นเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสัมผัสกับธรรมชาติในใจกลางเมือง รวมถึงที่พักอย่าง Banyan Tree Ecoresort ที่มีความโดดเด่นเรื่องการบำบัดจากธรรมชาติให้แก่ผู้อยู่อาศัย

ด้วยกระแสของคนทั่วโลกที่หันมาให้ความสนใจสุขภาพมากขึ้นวันใดที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรืออยากพักผ่อนหย่อนใจด้วยธรรมชาติบำบัด  ก็อย่าลืมหาเวลาไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ เพราะนอกจากสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว คุณยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย



ที่มา : TATReview-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

ติดต่อโฆษณา!