โพลเลือกตั้งสหรัฐฯ ชี้ รีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ คาด Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้น ทอง ราคาพุ่งรับข่าววันนี้
Highlight
ผลสำรวจของโพลส่วนใหญ่พบว่า พรรครีพับลิกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครตมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งอยู่เล็กน้อย ถ้าหากพรรครีพับลิกันได้รับเสียงข้างมากในสภา จะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมาจากพรรคเดโมแครต ทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะพรรครีพับลิกันจะขัดขวางการผ่านกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นนโยบายที่สวนทางกับปัจจุบัน
สหรัฐฯ เริ่มนับผลคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมตั้งแต่วันนี้ ในหลายพื้นที่ซึ่งคะแนนสูสี อาจจะใช้เวลาในการรวบรวม รวมทั้งผลคะแนนของชาวอเมริกันทั่วโลกซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ จึงอาจใช้เวลาหลายวันในการประกาศอย่างเป็นทางการได้
ส่วนการเลือกตั้งในวุฒิสภาจะเป็นไปอย่างสูสีระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งก่อนการเลือกตั้งทั้งสองพรรคมีคะแนนเสียงเท่ากันอยู่ที่ 50-50 โดยคะแนนเลือกตั้งใน 4 รัฐได้แก่ แอริโซน่า จอร์เจีย เนวาดา และเพนซิลเวเนีย จะชี้ขาดว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
ทั้งนี้ หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ก็จะทำให้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วงที่เหลืออีก 2 ปีเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยคาดว่าพรรครีพับลิกันจะขัดขวางการผ่านกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ทั้งนี้สหรัฐเริ่มปิดหีบเลือกตั้ง-เริ่มนับคะแนนเสียงเลือกตั้งกลางเทอมในหลายพื้นที่แล้วเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) โดยการเลือกตั้งกลางเทอมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเมืองสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567
หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศสหรัฐได้เปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 06.00-07.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคารที่ 8 พ.ย. ส่วนการนับคะแนนเลือกตั้งจะเริ่มจากหน่วยเลือกตั้งทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐ โดยจะมีการเริ่มนับคะแนนหลังปิดหีบในเวลา 19.00-20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร (8 พ.ย.) หรือตรงกับเช้าของวันพุธ (9 พ.ย.) เวลา 07.00-08.00 น.ตามเวลาไทย
การเลือกตั้งกลางเทอมถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งเก้าอี้ในวุฒิสภาจำนวน 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากผลการนับคะแนนเป็นไปอย่างสูสี จะทำให้การตัดสินว่าพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาหลายวัน เนื่องจากต้องรอคะแนนชี้ขาดจากรัฐทางฝั่งตะวันตก
ที่ผ่านมา การนับคะแนนเลือกตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนียมักใช้เวลานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากทางรัฐจะนับรวมบัตรเลือกตั้งที่มีการส่งทางไปรษณีย์ แม้มีการประทับตราหลังวันที่ 8 พ.ย. ขณะที่รัฐเนวาดาและวอชิงตันอนุญาตให้นับรวมบัตรเลือกตั้งดังกล่าวเช่นกัน
นอกจากนี้ หากมีการฟ้องร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในบางรัฐ หรือบางรัฐต้องจัดการเลือกตั้งใหม่เนื่องจากผู้สมัครได้คะแนนไม่ถึง 50% ก็จะส่งผลให้การตัดสินชี้ขาดพรรคที่จะครองสภาคองเกรสต้องล่าช้าออกไปถึงเดือนธ.ค.
ทองปิดพุ่ง $35.5 คาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหากรีพับลิกันชนะเลือกตั้ง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 35.5 ดอลลาร์ หรือ 2.11% ปิดที่ 1,716 ดอลลาร์/ออน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 58.3 เซนต์ หรือ 2.79% ปิดที่ 21.502 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 25.1 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ 1,014.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 35.10 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,932.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.44% แตะที่ระดับ 109.6390 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม
“หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหรือรวมทั้งวุฒิสภา ก็จะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประสบความยากลำบากในการผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” นายเดเมียน โบอีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Barrenjoey กล่าว
ด้านนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะผลักดันมาตรการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นข้อมูลที่เฟดใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งหากดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ก็อาจผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (8 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่เป็นบวกต่อตลาด นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 421.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด หรือ +0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,441.50 จุด เพิ่มขึ้น 24.89 จุด หรือ +0.39%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,688.75 จุด เพิ่มขึ้น 155.23 จุด หรือ +1.15% และ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,306.14 จุด เพิ่มขึ้น 6.15 จุด หรือ +0.084%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังปรับตัวในช่วงแคบๆ เกือบตลอดทั้งวัน โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นนำตลาด
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามหุ้นสหรัฐซึ่งทะยานขึ้น ขณะที่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าพรรครีพับลิกันจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้