จีนผ่อนกฎโควิด แนวโน้มปลดล็อกกลางปีหน้า เงินหยวนแข็งค่า

จีนผ่อนกฎโควิด แนวโน้มปลดล็อกกลางปีหน้า เงินหยวนแข็งค่า
Highlight

จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการต่างๆในการควบคุมโควิดมากขึ้น ให้ประชาชนมีความผ่อนคลายในการใช้ชีวิตประจำวันไม่ต้องส่งผลตรวจเป็นลงใน 48 ชั่วโมงเมื่อต้องเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ การออกไปทำกิจกรรมและการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งเซี่ยงไฮ้และเมืองสำคัญอื่นๆ เช่นปักกิ่ง เทียนจิน เซินเจิ้น เฉิงตู สัญญาณที่ดีนี้คาดว่าจีนกำลังเตรียมการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีหน้า เงินหยวนแข็งค่าในรอบ 2 เดือน หุ้นจีนพุ่งขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

นับตั้งแต่วันจันทร์นี้ (5 ธ.ค.) ทางการเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนจะยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจเชื้อโควิด-19 ซึ่งถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ล่าสุด หลังจากที่มีการประท้วงทั่วประเทศครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีเพื่อต่อต้านมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน

เว็บไซต์วีโอเอ.คอม รายงานว่า ทางการเซี่ยงไฮ้ได้โพสต์ในวีแชทเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ว่า ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงอีกต่อไปในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และเพื่อเข้าสถานที่กลางแจ้งต่าง ๆ อาทิ สวนสาธารณะและจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ

ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีประชากรมากกว่า 23 ล้านคนได้ถูกล็อกดาวน์มาเป็นเวลาหลายเดือนในปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน

สำหรับเมืองอื่น ๆ อาทิ ปักกิ่ง, เทียนจิน, เซินเจิ้น และเฉิงตู ก็ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนใช้ระบบขนส่งสาธารณะตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (3 ธ.ค.)

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันจันทร์ (5 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในเมืองสำคัญหลายแห่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่า จีนกำลังเร่งปรับเปลี่ยนไปใช้นโยบายที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากที่ยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นเวลานาน

ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบริษัทจีน 65 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.6% ในวันจันทร์ หลังจากทะยานขึ้น 22% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และหุ้นเจดีดอทคอม (JD.com) ต่างก็ดีดตัว 1%

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นหุ้นทริปดอทคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) และหุ้นยัม ไชน่า โฮลดิ้งส์ (Yum China Holdings) ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังได้ปัจจัยบวกจากการที่เงินหยวนในตลาดออฟชอร์แข็งค่าขึ้นกว่า 1% และทะลุระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมืองสำคัญหลายแห่งของจีน ซึ่งรวมถึงเซี่ยงไฮ้, หางโจว และเซินเจิ้น ได้ยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเข้าใช้บริการในสถานที่สาธารณะต่าง ๆ แม้กฎระเบียบด้านการตรวจเชื้อในพื้นที่อื่น ๆ ยังคงบังคับใช้อยู่ก็ตาม ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าทางการจีนกำลังผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์หลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศ

การผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดช่วยให้หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับภาพรวมในตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันจันทร์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการขยายตัวมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาที่นานขึ้น

หยวนแข็งทะลุ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ขานรับจีนผ่อนคลายซีโร่โควิด

เงินหยวนของจีนแข็งค่าทะลุระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันที่ 5 ธ.ค. และแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. ขานรับจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดึงดูดเม็ดเงินใหม่ ๆ จากต่างประเทศเข้าสู่จีน

นอกจากนี้ เงินหยวนยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งได้ส่งผลถ่วงดัชนีดอลลาร์ลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินหยวนในประเทศพุ่งขึ้นราว 1.4% แตะระดับสูงถึง 6.9507 ในช่วงเช้าวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. และแข็งค่าตามอัตราค่ากลางเงินหยวนของธนาคารกลางจีน

ส่วนในตลาดต่างประเทศ หยวนแข็งค่า 1.1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 6.9438 หลังพุ่งขึ้นรายสัปดาห์สูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยวนพุ่งขึ้นราว 1.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าจีนจะยังคงผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ต่อไป

ดัชนี CSI300 ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นเกือบ 10% ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นจีนได้รับเงินทุนสุทธิไหลเข้าเกิน 6 หมื่นล้านหยวน (8.55 พันล้านดอลลาร์) ผ่านโครงการ Stock Connect

เมย์แบงก์ระบุด้วยว่า การแข็งค่าของเงินหยวนเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลงเกือบ 9% แล้วจากระดับสูงสุดที่เข้าทดสอบเมื่อวันที่ 28 ก.ย.

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังไม่แน่นอน และเงินหยวนจะยังคงปรับตัวผันผวน

เมย์แบงก์ระบุในรายงานถึงลูกค้าว่า แนวโน้มการกลับไปคุมเข้มนโยบายโควิด หรือสถานการณ์ติดเชื้อที่ย่ำแย่ลง อาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนเทขายเงินหยวนออกมาอีก

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นขานรับโอเปกพลัสคงนโยบายลดการผลิต-จีนคลายกฎคุมโควิด

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ หลังกลุ่มโอเปกพลัสยังคงดำเนินนโยบายปรับลดการผลิตน้ำมันต่อไปก่อนสหภาพยุโรป (EU) ห้ามการนำเข้าน้ำมันและกลุ่ม G7 เริ่มใช้เพดานกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียนับตั้งแต่ 5 ธ.ค.

นอกจากนี้ การที่เมืองต่าง ๆ ของจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 มากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นั้น ถือเป็นสัญญาณบวกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นในจีน

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 5 ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 76.93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.05 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 82.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.89 เหรียญสหรัฐ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกโอเปกและพันธมิตรซึ่งรวมถึงรัสเซีย ได้ตกลงกันเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ที่จะยังคงดำเนินการตามแผนเดิมที่ได้ตกลงกันไว้ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ไปจนถึงสิ้นปี 2566

บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของโอเปกพลัสเป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่จะรอดูผลกระทบจากการที่ EU ห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียและกลุ่ม G7 กำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียที่ขนส่งทางทะเล ขณะที่รัสเซียขู่จะยกเลิกการส่งน้ำมันให้กับประเทศที่เข้าร่วมกำหนดเพดานราคาน้ำมัน

“เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนต่าง ๆ ก็ดูเหมือนว่าการที่โอเปกพลัสเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ในการจับตารอดูนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมมาก” นักวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตระบุ

ติดต่อโฆษณา!