BCP เจรจาซื้อหุ้น ESSO สำเร็จ! คาดดีลจบในครึ่งปีหลัง มูลค่าสูง 5.5 หมื่นล้านบาท
Highlight
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทตกลงขายหุ้น ร้อยละ 65.99 ให้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ถือเป็นดีลใหญ่ของประเทศไทย ต้อนรับปี 2023 เลยทีเดียว รายละเอียดการเข้าทำสัญญา จะใช้เวลา 12 เดือนจากนี้ คาดดีลจะจบได้ในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยราชการและกระทรวงพลังงาน รวมทั้งคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า
ผลการเจรจาของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ในการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เป็นผลสำเร็จ และบริษัททั้งสองแห่งได้รายงานความคืบหน้าผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นทั้งสองบริษัทในกระดาน SET ในวันนี้ (12 ม.ค. เวลา 11.45 น.) ราคาหุ้น BCP เคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.25 บาท +6.30%, ESSO ราคาอยู่ที่ 9.60 บาท -13.51%
โดยบริษัท ESSO และ BCP แจ้งความคืบหน้าดีล ดังนี้
1. บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ได้แจ้งต้อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ (12 ม.ค.) ว่าบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัท เอ็กซอนโมบิล เอเชีย โฮลดิ้ง พีทีอี แอลทีดี ("เอ็กซอนโมบิล") ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯซึ่งถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวนร้อยละ 65.99
2. เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 เอ็กซอนโมบิลได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ("สัญญาซื้อขายหุ้น") กับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เพื่อขายหุ้นที่ซื้อขายทั้งหมดที่เอ็กซอนโมบิลถืออยู่ในบริษัทฯ ให้แก่บางจากฯภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น
3. การทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นนี้จะไม่รวมการได้ไปซึ่งธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปภายใต้ตรา ExxonMobil และ OEM (ผู้ผลิตอุปกรณ์เดิม - Original Equipment Manufacturer) (ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป) และธุรกิจการตลาดเคมีภัณฑ์ภายใต้ตรา ExxonMobil (ธุรกิจการตลาดเคมีภัณฑ์) โดยเอ็กซอนโมบิลได้ระบุว่าเอ็กซอนโมบิลตั้งใจที่จะจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อประกอบธุรกิจดังกล่าวในประเทศไทย
4. ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นนี้ขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งรวมถึงการได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง (หากมี) เช่น กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าโดย
5. เอ็กซอนโมบิลคาดว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะเป็นผลสำเร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หรือประมาณ 12 เดือน
6. การดำเนินการให้ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นเป็นผลสำเร็จอาจใช้ระยะเวลาถึง 12 เดือน เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนแปลงการควบคุม (Change in Control) เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น จะส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า (Trademark License Agreement) มายังบริษัทฯ
7. ให้การเลิกสัญญามีผลในวันที่เป็นผลสำเร็จตามสัญญาซื้อขายหุ้นและจะทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าแบบไม่เป็นผู้ใช้สิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Non-Exclusive Transitional Trademark License Agreement) กับบริษัทฯ ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่เป็นผลสำเร็จ
8. สำหรับสิทธิในตรา “ESSO” ในธุรกิจการตลาดขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสถานนีบริการน้ำมัน หลังจากธุรกรรมซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้น ทาง BCP จะสามารถใช้ได้อีก 2 ปีเท่านั้น แล้วจะต้องเปลี่ยนไปใช้ตราใหม่ (ซึ่งรวมถึงโปรแกรมการตลาดสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (fuel marketing programs) loyalty programs บัตรเครดิต (cardprograms)) เพื่ออำนวยความสะดวกในการที่บริษัทฯ จะเปลี่ยนไปใช้ตราใหม่หลังจากวันที่เป็นผลสำเร็จ
9. บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่าหลังจากการบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้ามีผลบังคับในวันที่เป็นผลสำเร็จ บริษัทฯ จะไม่สามารถใช้ตราและเครื่องหมายการค้าใดๆ ของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นได้ และการใช้ตรา"ESSO"หลังจากวันที่เป็นผลสำเร็จจะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าแบบไม่เป็นผู้ใช้สิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Non-Exclusive Transitional Trademark License Agreement)
10. หากธุรกรรมการซื้อขายหุ้นเป็นผลสำเร็จ บางจากฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ แทนเอ็กซอนโมบิล โดยเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวนร้อยละ 65.99 ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั้งหมดของบริษัทฯ
11. บางจากฯ จะมีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัทฯ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือครองหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ส่วนหุ้นอีกจำนวน 1,177,108,000 หุ้น หรือ 34.01%
12. สำหรับแหล่งเงินทุน บางจากฯ จะใช้เงินทุนทั้งแหล่งภายนอกจากสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นจาก ExxonMobil เสร็จสิ้น
13. การลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องคือโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัทบางจาก
14. การเข้าซื้อกิจการ ESSO จะทำให้ BCP มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง
15. BCP จะได้ประโยชน์จากการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
16. เอ็กซอนโมบิล จะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เคมีภายใต้ตราของเอ็กซอนโมบิล ให้แก่ตลาดในประเทศไทยผ่านการจัดตั้งบริษัทใหม่
17. กิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิล และศูนย์ธุรกิจระดับโลกกรุงเทพ ซึ่งมีพนักงานประมาณ 2,000 คน จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ปัจจุบัน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO
มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 38,416 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ของ BCP
ปี 2563 มีรายได้ 136,983 ล้านบาท ขาดทุน 6,967 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 200,696 ล้านบาท กำไร 7,624 ล้านบาท
9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้ 228,895 ล้านบาท กำไร 12,103 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการของ ESSO
ปี 2563 มีรายได้ 126,739 ล้านบาท ขาดทุน 7,911 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้ 172,907 ล้านบาท กำไร 4,443 ล้านบาท
9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้ 199,381 ล้านบาท กำไร 11,072 ล้านบาท
อ้างอิง : https://classic.set.or.th/dat/mds_news/news/0975NWS120120230833130259T.pdf
https://classic.set.or.th/dat/mds_news/news/0420NWS120120230840300645T.pdf
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC