นักวิเคราะห์คาด “อินเดีย” ขึ้นแท่นประชากรมากที่สุดในโลกแซง “จีน” ไปแล้ว ใขขณะที่จีนประชากรลดลงในรอบหลายสิบปี
Highlight
ทางการจีนประกาศตัวเลขประชากรของปีที่แล้วซึ่งชี้ว่า ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี เนื่องจากอัตราการเกิดลดลง ตามรายงานของเอพี World Population Review องค์กรอิสระด้านการสำรวจสำมะโนประชากรและสถิติประชากร เปิดเผยตัวเลขประมาณการว่า ประชากรของอินเดียแตะ 1.417 พันล้านคน ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งมากกว่าจีนที่มีประชากร 1.412 พันล้านราย อย่างไรก็ตาม จีนยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าอินเดียโดย ประชากรหญิงจีนได้รับโอกาสในการทำงานมากกว่าอินเดียมาก
World Population Review องค์กรอิสระด้านการสำรวจสำมะโนประชากรและสถิติประชากร เปิดเผยตัวเลขประมาณการว่า ประชากรของอินเดียแตะ 1.417 พันล้านคน ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งมากกว่าจีนที่มีประชากร 1.412 พันล้านคน
- อัตราการเกิดของจีนต่ำสุดในรอบ 6 ทศวรรษ สถิตินี้ แสดงถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- สำนักงานสถิติของจีนเปิดเผยด้วยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจของจีนเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 3% ถือว่า เป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดอันดับสองตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1970
- ครั้งสุดท้ายที่จีนประสบกับจำนวนประชากรที่ลดลงคือในยุคของอดีตผู้นำ เหมา เจ๋อตุง ที่นโยบาย Great Leap Forward ของเขาทำให้เกิดความอดยากและมีประชาชนเสียชีวิตหลายสิบล้านคน ในปลายทศวรรษที่ 1950
- หากเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะเผชิญปัญหาจากประชากรสูงอายุ แต่ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า จีนน่าจะเจอปัญหาในการรับมือกับสถานการณ์นี้ในอนาคตยากยิ่งกว่าประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว
ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของจีนเปรียบเทียบกับอินเดีย
- ศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ สจ๊วต เก็ตเทล-บาสเตน แห่งมหาวิทยาลัย คาลิฟา ที่อาบูดาบีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุว่าการลดลงประจำนวนประชากรไม่จำเป็นต้องนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงเสมอไป โดยระบุว่า ปัจจัยด้านจิตวิทยาน่าจะเป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญที่สุด
- จีนพยายามรับมือกับเรื่องนี้ด้วยการยกระดับด้านนวัตกรรม เช่น ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และภาคบริการการเงิน ศาสตราจารย์บาสเตน ระบุ
- แม้ว่าอินเดียจะมีประชากรที่อายุน้อยกว่าจีน และมีประชากรเพิ่มขึ้น แต่ก็มีปัจจัยที่น่าจะขัดขวางการแซงหน้าจีนด้านเศรษฐกิจในระยะสั้นด้วยเช่นกัน เช่น การที่สตรีมีบทบาทในตลาดการจ้างงานน้อยกว่าจีนอย่างชัดเจน
นักวิเคราะห์ชี้ จับตาอินเดียเศรษฐกิจเติบโตสูงมีจากการมีประชากรอายุต่ำกว่า 30 ปี
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินเดียซึ่งมีประชากรครึ่งหนึ่งอายุต่ำกว่า 30 ปี ถูกกำหนดให้เป็นประเทศเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
- นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จำเป็นต้องสร้างงานให้กับผู้คนนับล้านที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในทุกปี ขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศกำลังเปลี่ยนไปทำงานนอกภาคการเกษตร
- ในทางตรงกันข้าม สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อ 17 ม.ค. ว่า จำนวนประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษในปี 2565 โดยอัตราการเกิดของประเทศร่วงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตด้านประชากรมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจจีนที่เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงอยู่แล้ว
- ชาติยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชียทั้งสองชาติแต่ละแห่งมีประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน และตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา ประชากรจีนและอินเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก
จีนประชากรลดลงมากเพราะอะไร ?
- ประชากรจีนปีที่แล้วมีคนเกิดในจีน 10.6 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนตายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหดตัวลงอีกในปีนี้ เป็นเพราะอัตราเจริญพันธุ์ที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราเจริญพันธุ์ของอินเดียก็ลดลงอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จากเดิมในปี 1950 ผู้หญิง 1 คนให้กำเนิดลูก 5.7 คน ลดลงมาอยู่ที่ 2 คนในปัจจุบัน
- จีนลดอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรลงได้ราวครึ่งหนึ่งจาก 2% ในปี 1973 ลงมาอยู่ที่ 1.1% ในปี 1983 นักประชากรศาสตร์ระบุว่า การทำเรื่องนี้ได้เป็นเพราะจีนไม่คำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนจากการรณรงค์ 2 เรื่องที่ส่งเสริมให้มีลูกเพียงคนเดียวและแต่งงานช้าลง มีลูกทิ้งช่วงกันนานขึ้นและมีลูกน้อยลง ในชนบทที่มีคนยากจนและไร้การศึกษาจำนวนมาก
ประชากรอินเดียพุ่งพรวดเกิดจากอะไร
- อินเดียมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วเกือบ 2% ต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป อัตราการตายลดต่ำลง อายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และรายได้สูงขึ้น คนจำนวนมากโดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ เข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและระบบระบายน้ำทิ้งที่ทันสมัยมากขึ้น "แต่กระนั้น อัตราการเกิดก็ยังสูงอยู่" ทิม ไดสัน นักประชากรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน กล่าว
- อินเดียได้เริ่มโครงการวางแผนครอบครัวในปี 1952 และออกนโยบายประชากรแห่งชาติเป็นครั้งแรกในปี 1976 เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่จีนกำลังพยายามลดอัตราการเกิดลง
- แต่การบังคับคนยากจนหลายล้านคนให้ทำหมันในโครงการวางแผนครอบครัวในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในอินเดียในปี 1975 ซึ่งมีการระงับสิทธิเสรีภาพของพลเมืองหลายอย่าง ได้นำไปสู่การต่อต้านการวางแผนครอบครัว "แนวโน้มการลดลงของการเจริญพันธุ์คงจะเร็วกว่านี้ในอินเดีย ถ้าไม่มีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน และถ้านักการเมืองทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้รัฐบาลในเวลาต่อ ๆ มาก ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อต้องทำเรื่องวางแผนครอบครัว" ศาสตราจารย์ไดสัน กล่าว
- ประเทศและดินแดนในเอเชียตะวันออกหลายชาติอย่าง เกาหลี, มาเลเซีย, ไต้หวัน และไทย ซึ่งได้ออกโครงการเกี่ยวกับประชากรช้ากว่าอินเดียมาก ประสบความสำเร็จในการลดระดับการเจริญพันธุ์ลง, ลดอัตราการตายของแม่และทารก, เพิ่มรายได้ และทำให้การพัฒนามนุษย์ดีขึ้นได้เร็วกว่าอินเดีย
- อินเดียมีประชากรเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านคนนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1947 และคาดว่า ประชากรของอินเดียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีก 40 ปี แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรค่อย ๆ ลดลงมานานหลายสิบปีแล้ว และอินเดียก็พยายามที่จะเลี่ยงการเผชิญกับ "ภัยพิบัติทางประชากรศาสตร์" ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
ดังนั้นบรรดานักประชากรศาสตร์จึงบอกว่า การที่อินเดียมีประชากรมากกว่าจีน จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป
- การเพิ่มขึ้นของรายได้ การเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุขมากขึ้น ได้ช่วยให้ผู้หญิงอินเดียมีลูกน้อยลงกว่าเมื่อก่อน อัตราเจริญพันธุ์ได้ลดต่ำลงกว่าระดับทดแทน ซึ่งอยู่ที่ การให้กำเนิดทารก 2 คนต่อผู้หญิง 1 คน ใน 17 รัฐและดินแดนที่รัฐบาลกลางบริหารจากทั้งหมด 22 แห่ง (ระดับทดแทนคือระดับที่การเกิดใหม่เพียงพอในการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่)
- การลดลงของอัตราการเกิดในตอนใต้ของอินเดียเร็วกว่าทางตอนเหนือซึ่งมีประชากรมากกว่า "น่าเสียดายที่อินเดียส่วนมากไม่เหมือนกับทางใต้" ศาสตราจารย์ไดสัน กล่าว "การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ทางเหนือของอินเดียได้กดมาตรฐานความเป็นอยู่ให้ต่ำลง"
การมีประชากรแซงหน้าจีนอาจมีความสำคัญ
- ยกตัวอย่าง อาจจะทำให้ข้อกล่าวอ้างของอินเดียในการเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีน้ำหนักมากขึ้น โดยสมาชิกถาวรมี 5 ชาติรวมถึงจีนด้วย
- อินเดียเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหประชาชาติ และยืนกรานมาโดยตลอดว่า “การได้ที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของอินเดียเป็นเรื่องยุติธรรม " ผมคิดว่า คุณมีข้อกล่าวอ้างบางอย่าง [การเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด] ในทุกเรื่อง" จอห์น วิลมอธ ผู้อำนวยการแผนกประชากรของสำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติกล่าว
- อินเดียสมควรได้รับการยกย่องในการจัดการ "การเปลี่ยนผ่านทางประชากรศาสตร์อย่างมีคุณภาพ" ด้วยการใช้การวางแผนครอบครัวในประเทศประชาธิปไตยที่มีทั้งคนยากจนและไร้การศึกษา "ประเทศส่วนใหญ่ทำเช่นนี้หลังจากที่พัฒนาการอ่านออกเขียนได้และมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว"
- 1 ใน 5 ของประชาชนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ในโลกนี้ มาจากอินเดีย และ 47% ของชาวอินเดียมีอายุต่ำกว่า 25 ปี ชาวอินเดีย 2 ใน 3 เกิดหลังจากอินเดียเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ศรุต ราชาโกพาลัน นักเศรษฐศาสตร์ระบุในรายงานชิ้นใหม่ว่า คนอินเดียรุ่นใหม่กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษบางอย่าง คนอินเดียรุ่นใหม่ยุคนี้จะเป็นแหล่งแรงงานและผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจ และชาวอินเดียจะเป็นแหล่งรวมคนที่มีความสามารถระดับโลกมากที่สุด
ความท้าทายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับอินเดีย
- อินเดียต้องสร้างงานให้เพียงพอต่อประชากรวัยทำงานที่อายุยังน้อย แต่ข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังเศรษฐกิจอินเดีย (CMIE) ระบุว่า มีประชากรวัยทำงานของอินเดียเพียง 40% เท่านั้นที่ต้องการทำงานหรืออยากจะทำงาน
- มีผู้หญิงต้องการทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าพวกเธอใช้เวลาในช่วงวัยทำงานในการให้กำเนิดลูกและดูแลลูกน้อยลง แต่ข้อมูลจาก CMIE พบว่า มีผู้หญิงวัยทำงานเพียง 10% เท่านั้นที่ได้อยู่ในตลาดแรงงานในเดือน ต.ค. ขณะที่ในจีนอยู่ที่ 69%
- มีการโยกย้ายถิ่นฐาน โดยมีชาวอินเดียราว 200 ล้านคนได้อพยพย้ายถิ่นภายในประเทศระหว่างรัฐและเขตต่าง ๆ จำนวนผู้โยกย้ายถิ่นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานที่เดินทางออกจากหมู่บ้านเข้าไปอยู่ในเมืองเพื่อหางานทำ
ที่มา : AP, Reuters, AFP, BBC, UN World Population Prospects 2022
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC