16 กุมภาพันธ์ 2566
1,062

อเมริกาโดนทิ้ง! เศรษฐีย้ายออกนอกประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ เหตุเงินเฟ้อสูง-ความไม่สงบทางการเมือง

อเมริกาโดนทิ้ง! เศรษฐีย้ายออกนอกประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ เหตุเงินเฟ้อสูง-ความไม่สงบทางการเมือง
Highlight

เฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐาน จับมือกับ นิวเวิลด์เวลท์ บริษัทข้อมูลความมั่งคั่ง เผยสถิติเศรษฐีอเมริกัน พากันย้านถิ่นฐานออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก ในขณะที่เศรษฐีจากประเทศอื่นก็เข้าอาศัยในอเมริกาในปี 2565 เพียง 1,500 คน ลดลง 2-3 เท่าจากปีก่อนหน้า เนื่องจากค่าครองชีพที่สูง เงินเฟ้อสูง ปัญหาด้านการเมือง ชนชั้นกลางลดลงอย่างรวดเร็ว อเมริกาไม่มีเสน่ห์และดึงดูดผู้คนได้เหมือนเมื่อก่อน


เฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐาน จับมือกับ นิวเวิลด์เวลท์ (New World Wealth) บริษัทข้อมูลความมั่งคั่ง เผยแพร่รายงานความมั่งคั่งของสหรัฐอเมริกา (USA Wealth Report) ฉบับแรก ซึ่งระบุว่า ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งกำลังแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าเดิมในต่างประเทศในอัตราที่ไม่เคยมีมาก่อน และอเมริกากำลังสูญเสียความน่าดึงดูดใจในหมู่เศรษฐีที่กำลังต้องการย้ายถิ่นฐาน

  • รายงานความมั่งคั่งของสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2566 พิจารณาความมั่งคั่งของอเมริกาอย่างครบถ้วนรอบด้าน ได้แก่ เทรนด์ในหมู่ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง ข้อมูลสถิติความมั่งคั่งของเมือง รูปแบบการย้ายถิ่นฐานของเศรษฐี รวมถึงปัจจัยขับเคลื่อนหลักและผู้สร้างความมั่งคั่ง

  • ข้อมูลดังกล่าวเผยให้เห็นว่า เศรษฐีทั่วโลกไหลเข้าอเมริกาลดลงอย่างชัดเจนในปี 2565 เหลือเพียง 1,500 คน เทียบกับช่วงปี 2556-2562 ที่เศรษฐีทั่วโลกไหลเข้าอเมริการะหว่าง 6,400-10,800 คนต่อปี

  • ส่วนการไหลออกของผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงนั้น เมห์ดี คาดีรี หัวหน้าประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส เปิดเผยว่า มีพลเมืองอเมริกันเข้ามาสอบถามข้อมูลจากบริษัทมากเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 (พุ่งขึ้น 447% จากปี 2562) และนับเป็นครั้งแรกที่ชาวอเมริกันสมัครเข้าร่วมโครงการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานและขอสัญชาติมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนสัญชาติอื่นทั่วโลก

  • เจฟฟ์ ดี. ออปไดค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับแนวหน้าของโลก ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ความไม่สงบทางสังคมและการเมือง และชนชั้นกลางที่ลดลงอย่างรวดเร็ว กำลังทำให้ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งย้ายถิ่นฐานหรือสละสัญชาติมากเป็นประวัติการณ์

  • “ในท้ายที่สุดแล้ว ชนชั้นผู้บริโภคใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นในประเทศนอกซีกโลกตะวันตกจะมีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคในโลกตะวันตกถึงสามพันล้านคนหรือมากกว่านั้น ความฝันแบบอเมริกันกำลังสิ้นมนต์ขลังในบ้านเกิด แต่กำลังเกิดใหม่ในชนชั้นผู้บริโภคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการเข้าถึงคนกลุ่มนี้อาจหมายความว่าคุณต้องก้าวออกจากพรมแดนอเมริกาและพาครอบครัวไปตั้งรกรากที่อื่น”

  • รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปล่าสุดของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2566 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ซึ่งอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 6.2% แต่ก็ยังคงสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์และตลาดคาด และยังห่างไกลเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% 

สถานการณ์เงินเฟ้อล่าสุด

  • เงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ เดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 6.4% ยังห่างไกลเป้าหมายธนาคารกลาง(เฟด)ที่2% ซึ่งตลาดคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าจะคุมเงินเฟ้อได้อย่างมีเสถียรภาพ

  • สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ เผยว่าค่าที่พักอาศัยเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากที่สุดในการหนุนให้ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด รองลงมาคือ ราคาอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ

  • CNBC รายงานว่า สำนักงานสถิติแรงงานออกรายงานอีกฉบับระบุว่า ราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น หมายถึงการสูญเสียมูลค่าที่แท้จริงของรายได้ของคนทำงาน โดยรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงในเดือนมกราคม 2566 มีมูลค่าลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 1.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า

  • แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ตัวเลขของเดือนมกราคมยังแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นแรงผลักด้านลบในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้

  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 41 ปีในฤดูร้อนปี 2565 โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแล้ว 8 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 และจะขึ้นต่อเนื่องไปอีก 2-3 ครั้ง 

  • ณ ตอนนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้กำหนดนโยบายการเงินมีเวลาเฝ้าดูผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อไป ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อยังไม่ถอยกลับลงใกล้เป้าหมาย ก็อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น 

  • ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้พูดถึง “disinflationary” หรือกระบวนการทลายอัตราเงินเฟ้อที่กำลังทำงานอยู่ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่ลดลงเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐยังมีงานต้องทำต่อไป และตัวเลขดัชนีค้าปลีกที่จะประกาศในวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นอีกชุดข้อมูลสำคัญที่เฟดจะนำไปพิจารณา

  • มาเรีย วาสซาลู (Maria Vassalou) หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนรวมหลายสินทรัพย์ของ Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานบ่งชี้ว่าเฟดยังมีงานอีกมากที่ต้องทำเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% และหากยอดค้าปลีกยังแข็งแกร่ง เฟดอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงอัตรา 5.5% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ได้  

  • ทั้งนี้ มีคาดการณ์และเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบตื้น ๆ เป็นอย่างน้อยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจาก Atlanta Fed คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีสหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้ไว้ที่ 2.2% หลังจากที่ผ่านปี 2565 มาอย่างแกร่งเกินคาด เติบโตได้ 2.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปี

อ้างอิง : https://finance.yahoo.com/news/usa-wealth-report-americas-millionaires-170000853.html


ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC
ติดต่อโฆษณา!