ประธานธนาคารเครดิตสวิสไม่รับค่าตอบแทน 1.6 ล้านดอลลาร์ หลังธนาคารขาดทุนอ่วม

Highlight

เครดิตสวิส ธนาคารขนาดใหญ่ของยุโรป ประสบปัญหาขาดทุนถึง 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส ในผลประกอบการปี 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ธนาคารเตรียมแผนฟื้นฟูธุรกิจ รวมทั้งตัดรายจ่ายต่าง ๆ ออกไป แม้กระทั่งผลตอบแทนกรรมการและปลดพนักงานออกถึง 9,000 คน เงินฝากไหลออกเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการค้ำประกันพันธบัตรของเครดิตสวิส กรุ๊ป เอจี ต่อการผิดนัดชำระหนี้ระยะ 5 ปี เพิ่มขึ้นจาก 0.36% เป็น 4.53% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา

นายอักเซล ลีห์มานน์ ประธานเครดิตสวิส (Credit Suisse) ประกาศไม่รับเงิน 1.5 ล้านฟรังก์สวิส (1.6 ล้านดอลลาร์) สำหรับการดำรงตำแหน่ง 1 ปีแรก เนื่องจากธนาคารทำผลงานประจำปีได้ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551

• รายงานค่าตอบแทนของธนาคารซึ่งเผยแพร่ออกมาวันนี้ (14 มี.ค.) หลังจากที่ต้องล่าช้าไปหลายวันเนื่องจากการสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายลีห์มานน์ ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเครดิตสวิสเมื่อเดือนม.ค. 2565 ปฏิเสธไม่รับเงินเพิ่มเติมที่มักจะมอบให้แก่บรรดาผู้บริหารสูงสุดนอกเหนือจากเงินเดือน
  
  
• ข้อมูลระบุว่า นายลีห์มานน์ได้รับค่าตอบแทนจำนวน 3 ล้านฟรังก์สวิสในช่วงเวลาระหว่างเดือนเม.ย. 2565 – เม.ย. 2566 และมีแผนจะยื่นขอรับค่าตอบแทนน้อยลง 3.8 ล้านฟรังก์สวิส จากค่าตอบแทนหลังจากนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ด้านธนาคารกำลังวางแผนที่จะปรับขึ้นสัดส่วนค่าตอบแทนจากหุ้นที่ประธานจะได้รับ ขึ้นมาเป็น 50% จากเดิมที่ 33%
  
  
• การกระทำดังกล่าวของนายลีห์มานน์ นับเป็นการสะท้อนถึงกรณีที่บรรดาสมาชิกคณะกรรมการบริหารประกาศไม่รับโบนัสเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเครดิตสวิสต้องประสบกับความยากลำบากจากเม็ดเงินของลูกค้าที่ไหลออกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และราคาหุ้นที่ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลจากแผนปรับปรุงโครงสร้างต่าง ๆ ของธนาคาร โดยธนาคารได้ปรับลดงบประมาณสำหรับโบนัสของพนักงานทุกคนลงครึ่งหนึ่งในปี 2565 โดยตั้งงบไว้เพียงที่ 1 พันล้านฟรังก์สวิส ลดลงมาจาก 2 พันล้านฟรังก์สวิส ของปีก่อนหน้า
  
  
• ธนาคารเครดิตสวิสรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/2565 เมื่อ 9 ก.พ. ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านฟรังก์สวิส (1.51 พันล้านดอลลาร์) ส่งผลให้ยอดขาดทุนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส ขณะที่ธนาคารเดินหน้ายกเครื่องทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยตัวเลขขาดทุนไตรมาส 4/2565 ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 1.32 พันล้านฟรังก์สวิส
  
  
• ทั้งนี้ เครดิตสวิสได้ออกมาประกาศแผนปฏิรูปองค์กรในเดือนต.ค. เพื่อให้ธุรกิจสามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างมั่นคงหลังธุรกิจวาณิชธนกิจของเครดิตสวิสทรุดตัวลงแบบต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากบรรดานักลงทุน
  
  
• ในเดือนพ.ย. เครดิตสวิสคาดการณ์ว่าบริษัทจะขาดทุน 1.5 พันล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 เนื่องจากเผชิญต้นทุนด้านการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ขณะที่ ผู้ถือหุ้นเครดิตสวิสไฟเขียวให้ระดมทุน 4.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้จ่ายด้านการยกเครื่ององค์กร
  
  
• บลูมเบิร์ก รายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการค้ำประกันพันธบัตรของเครดิตสวิส กรุ๊ป เอจี ต่อการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (เอสวีบี) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายในวงกว้างในอุตสาหกรรมการธนาคาร
  
  
• ข้อมูลจาก CMAQ ระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการค้ำประกันพันธบัตรของเครดิตสวิส กรุ๊ป เอจี ต่อการผิดนัดชำระหนี้ระยะ 5 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 0.36% เป็น 4.53% เมื่อวันจันทร์ (13มี.ค.) ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในดัชนีบลูมเบิร์กที่ติดตามการเคลื่อนไหวของซีดีเอสบริษัทชั้นดีของยุโรป 125 แห่ง
  
  
• ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารและบริษัทประกันยุโรปปรับตัวร่วงลงอย่างมากในวันจันทร์  ซึ่งรวมถึงราคาหุ้นเครดิตสวิสที่ร่วงลงมากถึง 15% ทำสถิติปิดที่ราคาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
  
  
• ราคาหุ้นเครดิตสวิสอยู่ในช่วงขาลงตั้งแต่ก่อนเกิดปรากฏการณ์ปิดแบงก์สหรัฐฯ สามแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน เนื่องจากบรรดานักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถของเครดิตสวิสในการดำเนินแผนปรับโครงสร้าง โดยไม่มั่นใจว่าแผนนี้จะได้ผล จะช่วยพลิกฟื้นธุรกิจของธนาคารให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้งหรือไม่ ประกอบกับการลดต้นทุนด้านบุคลากรของธนาคารด้วยการโละพนักงาน จำนวนมากถึง 9,000 คน
  
  
• สื่อต่างประเทศรายงานว่าราคาหุ้นของเครดิตสวิส ทำจุดต่ำสุดใหม่ในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยลดลง ถึง 15% เนื่องจากความอ่อนไหวเกี่ยวกับผลขาดทุนก่อนหน้านี้ ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มธนาคารย่ำแย่นับจาก Silicon Valley Bank ถูกประกาศปิดกิจการตั้งแต่ 10 มี.ค.