กลุ่มเซ็นทรัล เตรียมซื้อ “วินคอม รีเทล” ธุรกิจค้าปลีกใหญ่สุดเวียดนาม

กลุ่มเซ็นทรัล เตรียมซื้อ “วินคอม รีเทล” ธุรกิจค้าปลีกใหญ่สุดเวียดนาม
Highlight

สื่อต่างประเทศรายงาน กลุ่มเซ็นทรัลผู้นำค้าปลีกของไทย อยู่ระหว่างการเตรจาเพื่อซื้อหุ้น Vincom Retail ธุรกิจค้าปลีกใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม จากบริษัทวินกรุ๊ป (Vingroup) ท่ามกลางผู้สนใจรายอื่น Vincom Retail มีมูลค่าตลาด 2,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 96,000 ล้านบาท มีห้างสรรพสินค้า 83 แห่งในเวียดนาม ทั้งนี้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงในอาเซียน ในช่วงที่ผ่านมา

  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (Central Group) ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของไทย กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้นในวินคอม รีเทล (Vincom Retail) ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

  • แหล่งข่าวเปิดเผยว่า วินกรุ๊ป (Vingroup) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม กำลังพิจารณาขายหุ้นในวินคอม รีเทล จากปัจจุบันที่ถือครองอยู่เกือบ 60%

  • แหล่งข่าวระบุว่า วินกรุ๊ปเปิดกว้างที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ในวินคอม รีเทล แต่ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ขณะที่การเจรจากับกลุ่มเซ็นทรัลและผู้สนใจรายอื่นๆ ยังคงดำเนินต่อไป

  • วินคอม รีเทลมีมูลค่าตลาด 2,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 96,000 ล้านบาท ทำให้การทำข้อตกลงขายหุ้นส่วนใหญ่ในวินคอม รีเทล ถือเป็นการทำธุรกรรมควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเวียดนามในรอบหลายปี

  • วินคอม รีเทลมีห้างสรรพสินค้า 83 แห่งในเวียดนาม โดยราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 11% ตั้งแต่ต้นปี 2566 ขณะที่ดัชนี VNI ของตลาดหลักทรัพย์เวียดนามปรับตัวขึ้นเพียง 5%

  • ล่าสุดมีข่าวเกี่ยวกับการขายธุรกิจ Vincom Retail ออกไป เนื่องจากทางกลุ่ม Vingroup มีความต้องการเงินทุนขยายธุรกิจด้านพลังงาน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าผ่าน VinFast ที่ขยายธุรกิจไปยังสหรัฐและยุโรป โดยมีแผนส่งมอบรถให้ลูกค้าแล้วในเร็วๆ นี้จำนวน 45 คัน และวางแผนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอนาคต
  • นอกจากนี้ เวียดนามมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 8% ในปี 2565 โดยเป็นประเทศที่มีการขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชีย

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม รายงานวันพุธ (29มี.ค.)ว่า เศรษฐกิจเวียดนามชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยอัตราการเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 3.32% ลดลงจาก 5.05% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น และอุปสงค์ที่ลดลง

  • เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในเอเชียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนจากต่างชาติในภาคการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมเบา แต่ความพยายามในการต่อสู้กับเงินเฟ้อสูงกำลังบั่นทอนความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

“การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้ความต้องการในการบริโภคในประเทศคู่ค้าลดลง สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อปริมาณการนำเข้าและส่งออกของเวียดนาม” สำนักงานสถิติเวียดนาม ระบุ

  • ข้อมูลจากสายงานธุริจต่างประเทศของธนาคารไทยพานิชย์ ได้ลงบทสัมภาษณ์ผู้บริหารของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล ในปี 2564 ถึงตลาดค้าปลีกเวียดนาม ว่าโอกาสทองของการลงทุน เนื่องจากเวียเนามเป็นประเทศที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง เฉลี่ยอยู่ในช่วง 6%-7% มีโครงสร้างแระชากรในวัยทำงาน 44 ล้านคน จากทั้งหมด 98 ล้านคน ทำให้มีการแข่งขันในธุรกิจอุปโภคบริโภคและตลาดมีศักยภาพเติบโตสูง


กลุ่มเซ็นทรัล บุกธุรกิจรีเทลในเวียดนามนานแค่ไหนแล้ว

  • ภาคธุรกิจค้าปลีกเวียดนามนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพน่าจับตามอง  โดยคุณเฉลิมชัย พรศิริปิยกุล Head of GO! Expansion Central Retail Vietnam และคุณเอกศักดิ์ วิวัฒนานนท์ Business Development สายงานธุรกิจต่างประเทศ SCB ได้กล่าวถึงโอกาสการลงทุนในตลาดค้าปลีกเวียดนาม โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามมานานแล้ว


เซ็นทรัล รีเทล ปักหมุดตลาดค้าปลีก เปิดพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต

  • จากที่เซ็นทรัล รีเทลเปิดตัว Tops Market เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในนครโฮจิมินห์ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพตลาดประเทศเวียดนามหลายอย่าง
  • ศักยภาพของประเทศเวียดนามเอง ที่การเมืองมีเสถียรภาพสูง โครงสร้างประชากรที่เป็นอัตราส่วนทองคำที่ครึ่งหนึ่งเป็นวัยทำงาน และลักษณะของหนุ่มสาวเวียดนามที่สร้างครอบครัวค่อนข้างเร็ว และหนึ่งครอบครัวมีลูกอย่างน้อยสองคน ส่งผลให้มีประชากรกลุ่มเด็กเติบโตขึ้นมาซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้หมายของธุรกิจค้าปลีก

  • นอกจากนี้ จากอานิสงค์ของ FTA  ที่มีนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนจำนวนมากทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ และประชากรชนชั้นกลางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

  • โอกาสในธุรกิจค้าปลีก จากตัวเลขการเทียบสัดส่วนห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดของเวียดนามต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ขณะที่เวียดนามมีประชากรมากกว่าไทย 30 ล้านคน แต่สัดส่วนห้างค้าปลีกเทียบกับจำนวนประชากรกลับน้อยกว่าไทย 3-4 เท่า เรียกว่ายังมีโอกาสทางการตลาดที่ลูกค้ากลุ่มระดับปานกลางถึงพรีเมี่ยมที่ต้องการสินค้าคุณภาพดีหรือสินค้านำเข้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีห้างในเวียดนามที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้อย่างจริงจัง

  • ทางเซ็นทรัล รีเทลเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะนำเสนอสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ประกอบกับที่มี Big C ในเวียดนามอยู่แล้ว 35 สาขา พบว่ามี 7 สาขาที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ จึงรีแบรนด์ 7 สาขาจาก Big C เป็น Tops Market จำหน่ายสินค้าเกรดพรีเมี่ยม


โอกาสและความเสี่ยงของตลาดรีเทลในเวียดนาม

  • คุณเอกศักดิ์กล่าวว่าเวียดนามมีอัตราการเติบโต GDP ที่เร็วที่สุดในโลก 6-7% ต่อปี ในส่วนตลาดรีเทลมีมูลค่า 170 พันล้านเหรียญยูเอส คาดว่าใน 2021-25 จะเติบโต 10% ต่อปี เพราะคนเวียดนามมีกำลังซื้อเยอะและเพิ่มขึ้นทุกปี กลุ่มคนรวยในเวียดนามเติบโตเร็วมากถึง 11% ต่อปี แสดงถึงการที่คนเวียดนามเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศที่โตเร็วมาก ขณะที่ภาคการบริโภค private consumption คิดเป็น 67% ของ GDP ตามหลังเพียงฟิลิปปินส์ สรุปว่าคนเวียดนาม มีกำลังซื้อเยอะ และก็กล้าที่จะจ่ายเงิน ในส่วนเขตเมืองก็มีการขยายตัวเร็วมาก 3% เร็วกว่ามาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ทำให้ภาคค้าปลีกยังมีโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้อีกมาก

  • ในส่วนวิถีชีวิตการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคของคนเวียดนาม ถ้าไม่ใช่ในเมืองใหญ่ คนเวียดนามส่วนใหญ่ยังคงซื้อของใน Traditional Trade เช่นตลาด ร้านยี่ปั๊วะ ร้านขายของชำ แต่ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ คนเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคือซื้อของในโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้ามากขึ้น เพราะสะดวกสบายกว่า ของมีคุณภาพมากกว่า และสามารถซื้อของทุกอย่างได้ในที่เดียว ในปี 2020 ซุปเปอร์มาร์เก็ตเติบโตประมาณ 16-18% ต่อปี ยิ่งช่วยโควิด ซุปเปอร์มาร์เก็ตเติบโตแซง Traditional Trade เพราะคนไม่อยากออกนอกบ้านเยอะ การไปโมเดิร์นเทรดที่เดียวสามารถซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมด แทนที่ต้องไปหลายๆ ร้าน
  • ในช่วงโควิดที่คนออกจากบ้านไม่ได้ ก็หันมานิยมซื้อของกินของใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตผ่านทางแอปพลิเคชั่น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อของผ่านอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ตอนนี้ตลาดค้าปลีกเวียดนาม ประกอบด้วย ผู้เล่นรายใหญ่ทั้ง Saigon Co Op VinMart  Mobile World ที่เป็นของเวียดนาม Central Group, AEON, Lotte Mart ที่เป็นต่างชาติ


กลยุทธ์ขยายธุรกิจครอบคลุมทุก segment

เซ็นทรัล รีเทลทำแบ่งตลาดเป็น 3 segment ใหญ่ๆ โดยใช้โมเดลที่มีสินค้าและบริการต่างกันตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม คือ   

1) ร้านค้าในเมืองใหญ่ เช่น ฮานอย โฮจิมินห์ ใช้โมเดล Tops Market

2) ร้านค้าตัวจังหวัด ใช้ไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Big C

3) ร้านค้าในอำเภอของจังหวัดที่อยู่ไกลออกไป (Suburban) ใช้โมเดลซุปเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ MINIGO

  • ใน 5 ปีนับจากนี้ไป (จากปี 2564) เซ็นทรัลมีแผนใช้งบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ (3.5 หมื่นล้านบาท)  ขยายสาขาทุกโมเดลให้ครอบคลุม 55 จังหวัดในเวียดนาม โดยเฉพาะในปีพ.ศ. 2564 นี้ เตรียมงบไว้ 6.6 พันล้านบาท โดยจะขยายมอลล์ 4 สาขาใน 4 จังหวัด และ MINIGO 1 จังหวัด ตลอดจนรีแบรนด์ Tops Market ให้ครบ 7 สาขา

 

อ้างอิง :

https://www.reuters.com/markets/deals/vietnams-vincom-retail-stake-sale-talks-with-strategic-investors-sources-2023-03-29/
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/business-maker/vietnam-retail-opportunity.html



ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC
ติดต่อโฆษณา!