16 ธันวาคม 2566
642
ผลสำรวจชี้ 5 ชาติ จะกลับมาเที่ยวไทยอีกปีหน้า มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน เวียดนาม
ผลสำรวจเกี่ยวกับการวางแผนการท่องเที่ยวระดับโลก ฉบับล่าสุดประจำปี 2566 ของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study 2023) พบว่า 28% ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงปี 2566 บอกว่าตั้งใจจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้งภายใน 12 เดือนข้างหน้า
▪️ โดยนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ คือนักท่องเที่ยวจาก
▪️ แรงจูงใจอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในปีหน้า คือ
▪️ จุดหมายปลายทางยอดนิยมสามอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคตั้งใจจะไปเยือนมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยาขณะที่หัวหิน เชียงใหม่ และกระบี่ เป็นเมืองยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ
▪️ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาไทยส่วนใหญ่
▪️ ระยะเวลาพำนักในประเทศไทย
▪️ แยกตามเชื้อชาติ
▪️ โดยระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น 48% ใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรแทนเงินสด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง และครอบครัวที่เดินทางกับเด็ก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ใช้บัตรแทนเงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ชอปปิง (39%) รับประทานอาหาร (33%) และกิจกรรมต่าง ๆ (33%)
▪️ โดยนักท่องเที่ยวเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดมากที่สุดในช่วงวางแผนก่อนการเดินทางเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในรายการหลัก ๆ อาทิ ค่าที่พัก (81%) และค่าเดินทาง (69%) เป็นต้น
▪️ ในส่วนของการเลือกที่พักนั้น 83% เลือกพักในโรงแรม โดยสิ่งสำคัญ 5 อันดับแรกที่มีผลต่อการเลือกที่พัก คือ
▪️ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงสุด
อย่างไรก็ตามยอดใช้จ่ายทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการเดินทาง โดยผู้ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต 8 วันขึ้นไปมีโอกาสจะใช้จ่ายมากกว่า 135,000 บาท
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ (4 - 7 วัน) ใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 65,000 บาท และนักท่องเที่ยวระยะสั้น (ไม่เกิน 3 คืน) ใช้จ่ายที่ราว ๆ 40,000 บาทในระหว่างการท่องเที่ยว
▪️ โดยนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ คือนักท่องเที่ยวจาก
• มาเลเซีย (42%)
• สิงคโปร์ (41%)
• ฟิลิปปินส์ (28%)
• สาธารณรัฐประชาชนจีน (25%)
• เวียดนาม (22%)
▪️ แรงจูงใจอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในปีหน้า คือ
• การผ่อนคลาย
• ชอปปิ้ง
• เปิดประสบการณ์
• การผจญภัย
• การพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง
▪️ จุดหมายปลายทางยอดนิยมสามอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคตั้งใจจะไปเยือนมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยาขณะที่หัวหิน เชียงใหม่ และกระบี่ เป็นเมืองยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ
▪️ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาไทยส่วนใหญ่
• กลุ่มมิลเลนเนียล (51%)
• กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง (27%)
• ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็ก (18%)
• คนโสดวัยหนุ่มสาว (16%)
• เจน Z (15%)
• ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กโต (14%)
• กลุ่มวัยเกษียณ (11%)
▪️ ระยะเวลาพำนักในประเทศไทย
• ภาพรวมเฉลี่ย 8 คืน
• กลุ่มเกษียนอายุ 12 คืน
▪️ แยกตามเชื้อชาติ
• ชาวสิงคโปร์จะใช้เวลาพำนักนานที่สุดที่ 7 คืน
• ชาวจีน และชาวเวียดนาม ใช้เวลาพำนักในไทย 5 คืน
• ชาวมาเลเซียและชาวฟิลิปปินส์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 คืน
▪️ โดยระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น 48% ใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรแทนเงินสด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง และครอบครัวที่เดินทางกับเด็ก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ใช้บัตรแทนเงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ชอปปิง (39%) รับประทานอาหาร (33%) และกิจกรรมต่าง ๆ (33%)
▪️ โดยนักท่องเที่ยวเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดมากที่สุดในช่วงวางแผนก่อนการเดินทางเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในรายการหลัก ๆ อาทิ ค่าที่พัก (81%) และค่าเดินทาง (69%) เป็นต้น
▪️ ในส่วนของการเลือกที่พักนั้น 83% เลือกพักในโรงแรม โดยสิ่งสำคัญ 5 อันดับแรกที่มีผลต่อการเลือกที่พัก คือ
• ความปลอดภัย (76%)
• ความสะอาด (63%)
• ตำแหน่งที่ตั้ง (54%)
• ความคุ้มค่า (52%)
• สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก (41%)
▪️ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงสุด
• จีน (95,000 บาท)
• สิงคโปร์ (58,000 บาท)
• ฟิลิปปินส์ (48,000 บาท)
• เวียดนาม (38,000 บาท)
• มาเลเซีย (34,000 บาท)
อย่างไรก็ตามยอดใช้จ่ายทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการเดินทาง โดยผู้ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต 8 วันขึ้นไปมีโอกาสจะใช้จ่ายมากกว่า 135,000 บาท
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ (4 - 7 วัน) ใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 65,000 บาท และนักท่องเที่ยวระยะสั้น (ไม่เกิน 3 คืน) ใช้จ่ายที่ราว ๆ 40,000 บาทในระหว่างการท่องเที่ยว