18 ธันวาคม 2566
330
เศรษฐา แจ้งนายกญี่ปุ่น ไทยสนใจเข้าร่วมสมาชิก OECD
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลหารือระดับทวิภาคีระหว่าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กับ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ (Mr. Kishida Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ว่า ไทยพร้อมส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนให้กับญี่ปุ่น โดยออกมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าไทยเพื่อติดต่อธุรกิจระยะสั้น พร้อมฝากรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนธุรกิจของเอกชนไทย
นายกฯ ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนธุรกิจของเอกชนไทย และหวังจะร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้านซอฟท์พาวเวอร์ในโครงการสินค้าโอทอปซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก OVOP ของญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยหวังว่าจะมีนักลงทุนและแรงงานทักษะสูงด้านดิจิทัลจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะในสาขา Data Center ขนาดใหญ่และบริการคลาวด์คุณภาพสูง
ด้านพลังงานและอุตสาหกรรม ยินดีร่วมมือเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานตามกรอบพันธมิตรเอเซค (AZEC) กับญี่ปุ่น และไทยสนใจสมัครเข้า OECD เพื่อยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจไทย
ด้าน นายกฯ ญี่ปุ่น เสนอจัดตั้งกลไก Energy and Industrial Dialogue กับไทยเพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
ในส่วนของความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค ผู้นำทั้งสองได้หารือถึงสถานการณ์ในเมียนมาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งไทยกำลังหารือกับเมียนมาเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม และขอให้ญี่ปุ่นมาร่วมสร้างสันติภาพในภูมิภาค
นายกฯ กล่าวขอบคุณนายกฯญี่ปุ่น สำหรับความห่วงใยเรื่องตัวประกันคนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและมีท่าทีที่สอดคล้องกันที่เห็นว่าทุกฝ่ายควรยุติความรุนแรงและหาทางออกผ่านการหารือ
นายกฯ พอใจผลตอบรับ ในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอด ASEAN-Japan ในครั้งนี้ ทำให้มีโอกาสได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น การลงทุน การท่องเที่ยว พลังงานสะอาด Digital Economy Connectivity หุ้นส่วนแบบใจถึงใจ (Heart to Heart Partnership)
นายกฯยังได้พบปะกับนักธุรกิจรายใหญ่ด้านยานยนต์ 7 บริษัทของญี่ปุ่น ทำให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นขอบคุณ และมีความสบายใจต่อการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ จากยานยนต์สันดาปเป็น EV
ญี่ปุ่นในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุม OECD ในปีหน้า ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกมหาอำนาจทั้ง 30 ประเทศ ได้เชิญประเทศไทยร่วมเป็นประเทศสังเกตการณ์ด้วย ทั้งนี้ไทยยังไม่ได้เป็นสมาชิก
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้พบหารือผู้นำประเทศ กัมพูชา เวียดนาม และยังได้พูดคุยเรื่องความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งการหารือกับอืนโดนีเซีย ฝ่ายอินโดนีเซียยืนยันจะขอซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตันภายในปีนี้ หรือหากมีข้อจำกัดจะขอซื้อ 2 ล้านตันภายในปีหน้า โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ติดตามในเรื่องนี้
ด้านประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้กล่าวว่า นักธุรกิจอินโดนีเซียมีความต้องการที่จะร่วมลงทุนในโครงการ Landbridge ของไทยด้วย
ที่มา: https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/76248