28 กุมภาพันธ์ 2567
708

เชียงใหม่ อากาศแย่สุดติดอันดับ 8 ของโลก ค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน

เชียงใหม่ อากาศแย่สุดติดอันดับ 8 ของโลก ค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน


หน้าร้อน ฝุ่นก็มา คุณภาพอากาศประเทศไทยแย่ติดอันดับ Top 10 ของโลก อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือ จากรายงานของเว็บไซต์ IQAir รายงานคุณภาพอากาศของทั่วโลก

IQAir รายงานคุณภาพอากาศของทั่วโลก โดยเมื่อเวลา 09.43 น. พบว่าเชียงใหม่มีค่า AQI อยู่ที่ 159 อยู่ในระดับสีแดง (AQI = 151-200) หรือมีผลกระทบต่อทุกคน

ส่วนเมืองที่ติดอันดับ 1 คุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ได้แก่ เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ ค่า AQI อยู่ที่ 274 อยู่ในระดับสีม่วง (มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง) 

อันดับ 2 คือเมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน ค่า AQI อยู่ที่ 194 อยู่ในระดับสีแดง (มีผลกระทบต่อทุกคน) 

อันดับ 3 คือ เมืองบิชเคก ประเทศคร์กีซสถาน ค่า AQI อยู่ที่ 176 อยู่ในระดับสีแดง (มีผลกระทบต่อทุกคน)

ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 08.00 น. พบ 6 จังหวัดภาคเหนือ มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ

โดยอันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย 98.1 ไมโครกรัม รองลงมา คือ แม่ฮ่องสอน 85.2 ไมโครกรัม ลำพูน 82.6 ไมโครกรัม พะเยา 77.8 ไมโครกรัม ลำปาง 77.6 ไมโครกรัม และเชียงใหม่ 75.7 ไมโครกรัม ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังพบอีก 30 จังหวัด ที่ค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช้าวันนี้ พบค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลาง

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโซนภาคเหนือของประเทศ

ดังนั้น ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

▪️ แอปฯ เช็กฝุ่น PM2.5 ปี 2567

1. IQAir AirVisual  แอปฯ รายงานสภาพมลพิษทางอากาศ ที่มีความสามารถในการตรวจสอบและรายงานปริมาณมลพิษในอากาศของแต่ละพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งใช้เช็กได้ว่าสถานที่ที่กำลังอยู่หรือกำลังจะเดินทางไปนั้นมีค่ามลพิษในอากาศมากน้อยเท่าไร พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการป้องกันตัวเบื้องต้น นอกจากนี้ยังเช็กล่วงหน้าได้ 7 วันอีกด้วย

2. เช็คฝุ่น   แอปฯ สำหรับติดตามข้อมูลฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ประเทศไทยโดยเฉพาะ ใช้การประมวลผลข้อมูลจากดาวเทียม และสถานีตรวจวัดภาคพื้นดิน กรมอุตุนิยมวิทยา  กรมควบคุมมลพิษ โดยอัปเดตข้อมูลเป็นรายชั่วโมง

3. Airveda แอปฯ ที่จะรายงานคุณภาพอากาศจากสถานีในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้เช็กสภาพอากาศในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้ โดยสามารถเช็กได้ทั้งค่า PM2.5, PM10, CO2 รวมทั้งอุณหภูมิและความชื้น เพื่อที่จะได้หาทางรับมือและหลีกเลี่ยงตามสถานการณ์

4. Air Matters แอปฯ รายงานคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่สามารถใช้เช็กในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้ โดยจะใช้ข้อมูลจากสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุด สามารถเลือกแสดงข้อมูลตามมาตรฐานของ US, China, UK หรือ India ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนมลพิษและฝุ่นในอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย

5. Air4Thai แอปฯ รายงานดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทย โดยจะรายงานข้อมูลเป็นแบบรายชั่วโมงและรายวัน รวมทั้งแสดงกราฟคุณภาพอากาศให้ดูแบบย้อนหลังได้ 7 วัน พร้อมทั้งแสดงแผนที่โดยใช้ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

6. Plume Labs แอปฯ แสดงข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่สามารถเช็กดูได้ทั้งในพื้นที่ปัจจุบันและพื้นที่อื่น ๆ โดยแสดงเป็นแผนที่ให้ดูแบบภาพรวมกว้าง ๆ ได้ พร้อมทั้งการพยากรณ์ล่วงหน้า 4 วัน เพื่อใช้วางแผนก่อนการเดินทาง รวมทั้งมีรายงานผ่านการแจ้งเตือนอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ก็คือแอปฯ เช็กค่าฝุ่น PM2.5 ที่ควรมีโหลดติดเครื่องไว้ในช่วงนี้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าในแต่ละวันมีปริมาณมลพิษในอากาศมากน้อยแค่ไหน จะได้เตรียมตัวหาทางรับมือและป้องกันรักษาสุขภาพของเราเอง 


ที่มา : IQAir, Kapook, Infoquest

ติดต่อโฆษณา!