10 มีนาคม 2567
531
เศรษฐี “เมียนมา” แห่ซื้ออสังหาฯหรู ของไทย
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อโดยชาวเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการส่งเด็ก-นักศึกษา เข้ามาเรียนต่อที่ประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ
.
ชาวเมียนมาส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟลตขนาด 50 ตารางเมตรขึ้นไป
.
สถิติแสดงให้เห็นว่าชาวเมียนมากลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสามในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 จ่อแซงหน้าทั้งชาวจีนและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสําหรับผู้ซื้อบ้านในเมียนมาร์อยู่ที่ 6.5 ล้านบาท
.
Karlo Pobre รองผู้จัดการทั่วไปและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการของ Colliers Thailand กล่าวว่ากรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่เป็นสถานที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชาวเมียนมา
.
ในกรุงเทพฯ ชาวเมียนมามักจะชอบคอนโดหรูราคา 10-20 ล้านบาทในพื้นที่ใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท พรหมพงษ์ และอโศก หรือใกล้โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม
.
กลุ่มระดับกลางชอบแฟลตราคา 5 - 10 ล้านบาท ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แฟลตส่วนใหญ่ในส่วนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อารีย์และพญาไท เพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวก และปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ เพราะผู้ซื้อกลุ่มนี้มักจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อลงทุน และจะชอบซื้อในช่วงที่โครงการเปิดพรีเซลล์
.
ที่จังหวัดภูเก็ต โฟกัสเปลี่ยนไปเป็น “พูลวิลล่า” ด้วยราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป โดยกลุ่มนี้เป็นนักธุรกิจรายใหญ่และมองหาตัวเลือกที่พักส่วนตัวระดับไฮเอนด์ ในย่านลากูน่า หาดบางเทา เป็นต้น
.
ขณะที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ชาวเมียนมาสนใจซื้อบ้านเดี่ยวราคา 20 - 30 ล้านบาท สำหรับอยู่อาศัยยามเกษียณหรือพักผ่อนกับครอบครัว เนื่องจากเชียงใหม่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมียนมา รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวไม่ต่างจากที่กรุงเทพฯ โดยทำเลยอดนิยมคือ อำเภอสันกำแพง และอำเภอหางดง
.
ศูนย์ข้อมูล REIC ระบุว่า เมื่อปี 2566 มีมูลค่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ของชาวเมียนมาแตะ 2.25 พันล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 3 ตามหลังจีนและรัสเซีย
.
ที่มา :
https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2024/03/05/wealthy-myanmar-citizens-are-on-thai-property-buying-spree-as-many-seek-refuge-from-civil-war-and-army-call-up
AEC Connect
.
ชาวเมียนมาส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟลตขนาด 50 ตารางเมตรขึ้นไป
.
สถิติแสดงให้เห็นว่าชาวเมียนมากลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสามในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 จ่อแซงหน้าทั้งชาวจีนและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสําหรับผู้ซื้อบ้านในเมียนมาร์อยู่ที่ 6.5 ล้านบาท
.
Karlo Pobre รองผู้จัดการทั่วไปและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการของ Colliers Thailand กล่าวว่ากรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่เป็นสถานที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชาวเมียนมา
.
ในกรุงเทพฯ ชาวเมียนมามักจะชอบคอนโดหรูราคา 10-20 ล้านบาทในพื้นที่ใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท พรหมพงษ์ และอโศก หรือใกล้โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม
.
กลุ่มระดับกลางชอบแฟลตราคา 5 - 10 ล้านบาท ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แฟลตส่วนใหญ่ในส่วนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อารีย์และพญาไท เพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวก และปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ เพราะผู้ซื้อกลุ่มนี้มักจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อลงทุน และจะชอบซื้อในช่วงที่โครงการเปิดพรีเซลล์
.
ที่จังหวัดภูเก็ต โฟกัสเปลี่ยนไปเป็น “พูลวิลล่า” ด้วยราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป โดยกลุ่มนี้เป็นนักธุรกิจรายใหญ่และมองหาตัวเลือกที่พักส่วนตัวระดับไฮเอนด์ ในย่านลากูน่า หาดบางเทา เป็นต้น
.
ขณะที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ชาวเมียนมาสนใจซื้อบ้านเดี่ยวราคา 20 - 30 ล้านบาท สำหรับอยู่อาศัยยามเกษียณหรือพักผ่อนกับครอบครัว เนื่องจากเชียงใหม่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมียนมา รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวไม่ต่างจากที่กรุงเทพฯ โดยทำเลยอดนิยมคือ อำเภอสันกำแพง และอำเภอหางดง
.
ศูนย์ข้อมูล REIC ระบุว่า เมื่อปี 2566 มีมูลค่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ของชาวเมียนมาแตะ 2.25 พันล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 3 ตามหลังจีนและรัสเซีย
.
ที่มา :
https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2024/03/05/wealthy-myanmar-citizens-are-on-thai-property-buying-spree-as-many-seek-refuge-from-civil-war-and-army-call-up
AEC Connect