ไล่ล่าจีนเทา โจ๋งครึ่มถนนรัชดาฯ ขึ้นป้ายขายพาสปอร์ต - โอนสัญชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยการขายพาสปอร์ตไม่ว่าประเทศใดก็ผิด มองเป็นการย่ำยี ลั่นต้องจัดการไล่คนผิดพ้นประเทศ ด้านกระทรวงท่องเที่ยว ร่วมมือตำรวจท่องเที่ยว เร่งออกมาตรการป้องกันทุนสีเทา
จากกรณีการขึ้นป้ายประกาศโฆษณาขายพาสปอร์ตและรับทำสัญชาติบางประเทศ ของชาวจีนบริเวณสี่แยกห้วยขวาง ถนนรัชดาฯ นั้นกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการกรมการปกครองให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ การประกาศขายพาสปอร์ต ซึ่งไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่งปราบปราม
“เรื่องนี้เป็นการทำเกินไป ฉะนั้นจึงดำเนินการสั่งปลดป้ายทันที โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น หลังจากทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที ทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเมื่อทราบเรื่องก็ดำเนินการปลดป้าย ส่วนเจ้าของป้ายไม่รู้เรื่องใช่หรือไม่ผมไม่ทราบ“ นายอนุทิน กล่าว
เรื่องนี้อยู่ที่ความเข้มงวดกวดขัน ซึ่งขณะนี้ได้เข้มงวดกวดขันผับบาร์ต่าง ๆ รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการทันที กัวผู้กระทำผิดกฎหมาย
“เราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับผมมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้น ก็ไปจัดการคนผิดและไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวกให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้” นายอนุทิน ระบุ
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาแล้วฉกฉวยโอกาสจากวีซ่าฟรีเข้ามาท่องเที่ยวแล้วเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งได้พูดคุยกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อให้มีมาตรการป้องกันอย่างดีที่สุด
ส่วนกรณีการติดป้ายโฆษณามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาหรือไม่ นายเสริมศักดิ์ระบุว่าได้รับรายงานเข้ามา ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ และจะร่วมมือกับตำรวจในการเร่งอำนวยการในการจับกุมต่อไป