ตาลีบันยึดครองกรุงคาบูลได้สำเร็จ สหรัฐฯ แสดงความกังวลเร่งอพยพทูต ในขณะที่ ปธน.อัฟกานิสถานเดินทางออกนอกประเทศ
HighLight
กลุ่มตาลีบันติดอาวุธสามารถเข้ายึดครองกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานได้สำเร็จ หลังจากเข้ายึดครองเมืองจาลาลาบัด ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตะวันออก ที่มีถนนเชื่อมกับปากีสถานได้สำเร็จ และกลุ่มตาลีบันยังประกาศว่าจะจัดตั้ง “Islamic Emirate of Afghanistan” ในเร็วๆนี้ ทั้งสหรัญส่งทหาร 3,000 คนเพื่อเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่การทูตอพยพ ในขณะที่อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถานหนีออกนอกประเทศ
อัชราฟ กานี ซึ่งกลายมาเป็นอดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถานพร้อมรองประธานาธิบดีทั้งสองคน และเจ้าหน้าที่อาวุโสจำนวนหนึ่งเดินทางออกจากประเทศในวันอาทิตย์ หลังกลุ่มกบฏตาลิบันเข้าควบคุมพื้นที่เมืองหลวงและประเทศแห่งนี้ได้สำเร็จ หลังสหรัฐฯ นำกองกำลังนานาชาติบุกเข้าขับไล่กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้ออกไปเมื่อ 20 ปีก่อน
ซาบิฮัลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของตาลิบันยืนยันในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาในอัฟกานิสถานว่า สมาชิกระดับสูงของกลุ่มได้เดินทางเข้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงคาบูลเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ สมาชิกกลุ่มได้เข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเมืองหลวงไว้เพื่อ “ป้องกันเหตุวุ่นวายและการปล้นสะดม หลังกองกำลังอัฟกันละทิ้งประชาชนไป”
มูจาฮิด ยังร้องขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงคาบูลอยู่ในความสงบ และยืนยันว่า การส่งสมาชิกกลุ่มออกไปประจำการตามจุดต่างๆ นั้น มีจุดประสงค์เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยในประชาชนเท่านั้น
ในส่วนของอดีตผู้นำอัฟกันที่เดินทางออกนอกประเทศไปโดยไม่ได้ทำการประกาศใดๆ ออกมานั้น อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์ หัวหน้าสภาปรองดองแห่งชาติอัฟกัน ได้โพสต์คลิปวิดีโอวิพากษ์วิจารณ์ อดีต ปธน.กานี ทางเฟสบุ๊ค โดยระบุว่า “ตนรู้สึกว่า อดีตประธานาธิบดีได้ทิ้งให้ประเทศและผู้คนอยู่กันเองในสภาพที่ย่ำแย่ พระเจ้าจะเป็นผู้ทำให้เขาต้องชดใช้ในเรื่องนี้”
รายงานข่าวระบุว่า ยังไม่มีใครทราบว่า อดีตผู้นำอัฟกันและผู้ที่เดินทางออกไปพร้อมกันนั้นอยู่ที่ใดในเวลานี้
ในช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มกบฏตาลิบันเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ ในอัฟกานิสถานมาโดยตลอด จนมาถึงประตูเมืองกรุงคาบูลในวันเสาร์ โดยในช่วงแรก สมาชิกกลุ่มตาลิบันไม่ได้บุกเข้ามาในพื้นที่เมืองหลวง และประกาศย้ำว่า พวกตนเพียงต้องการ “การเปลี่ยนถ่ายอำนาจโดยสันติ” เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงในกรุงคาบูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในอัฟกานิสถาน อับดุล ซาตาร์ เมียร์ซักวัล กล่าวผ่านวิดีโอว่า จะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครองประเทศอย่างสันติไปยังกลุ่มตาลิบัน และว่ากรุงคาบูลยังไม่ได้ถูกโจมตีและจะไม่ถูกโจมตีจากกลุ่มตาลิบัน
ทางด้านโฆษกกลุ่มตาลิบันทวีตข้อความว่า กองกำลังตาลิบันจะไม่ใช้กำลังเพื่อรุกเข้าไปในกรุงคาบูล แต่ขอให้มีการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติเช่นกัน พร้อมประกาศว่าจะมีการอภัยโทษให้กับทุกคนและจะไม่มีการสังหารเพื่อล้างแค้นแต่อย่างใด
รายงานที่อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถานผู้หนึ่ง ระบุว่า กลุ่มตาลิบันรุกคืบเข้าไปในกรุงคาบูลจากเกือบทุกด้าน โดยสำนักข่าวเอพีรายงานคำกล่าวของสมาชิกกองกำลังตาลิบันว่า จะไม่มีใครหรือสิ่งใดได้รับอันตราย และชีวิตประชาชนในกรุงคาบูลมิได้ตกอยู่ในความเสี่ยง
เว็บไซต์ข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กลุ่มตาลีบันติดอาวุธสามารถเข้ายึดครองกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานได้แล้ว หลังจากเข้ายึดครองเมืองจาลาลาบัด ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตะวันออก ที่มีถนนเชื่อมกับปากีสถานได้สำเร็จ
ขณะที่สื่อต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้เผยแพร่ภาพฟุตเทจที่แสดงให้เห็นว่า นักรบชาวตาลีบันได้เข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานได้แล้ว และกลุ่มตาลีบันยังประกาศว่าจะจัดตั้ง “Islamic Emirate of Afghanistan” ในเร็วๆนี้
นายมูฮัมหมัด นาอิม โฆษกของกลุ่มตาลีบันได้ทวีตข้อความเพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า กลุ่มตาลีบันจะไม่ทำอันตรายต่อสถานทูต นักการทูต และชาวต่างชาติในกรุงคาบูล พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งอัฟกานิสถาน โดยย้ำว่าภารกิจของกลุ่มตาลีบันคือการรักษาความปลอดภัยในกรุงคาบูลและเมืองอื่นๆ ของประเทศ
ด้านประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถานเดินทางออกจากประเทศโดยอ้างว่าต้องการหลีกเลี่ยงเหตุนองเลือด ส่งผลให้กลุ่มตาลีบันใกล้จะควบคุมประเทศนี้ได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีกานียังโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คว่า การที่เขาตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศนั้น เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการนองเลือดและการปะทะกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนหลายล้านคนในกรุงคาบูล
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีกานีเดินทางไปที่ไหน หรือจะมีการถ่ายโอนอำนาจกันอย่างไร หลังจากตาลีบันปฏิบัติการจู่โจมยึดเมืองต่างๆทั่วอัฟสถานในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ถือเป็นการรุกคืบอย่างรวดเร็วหลังจากทหารสหรัฐและต่างชาติถอนตัวตามกรอบความต้องการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งต้องการยุติสงครามที่ยาวนานของสหรัฐ ที่ยกพลบุกประเทศนี้หลังเกิดโศกนาฏกรรมโจมตีสหรัฐเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปี2001
การล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัฟกานิสถานสร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต้)และส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่สหรัฐถอนกองกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองอัฟกานิสถานได้อย่างรวดเร็ว
นายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เตือนว่า กลุ่มอัลกออิดะห์ จะกลับมาครองอำนาจในอัฟกานิสถาน หลังจากที่กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ พร้อมกับแสดงความกังวลว่า อัฟกานิสถานจะกลับมาเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่ง
“นี่คือสาเหตุที่ผมคิดว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่สหรัฐควรถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน เพราะจะทำให้อัลกออิดะห์มีโอกาสกลับมา” นายวอลเลซ กล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐได้ส่งทหารจำนวน 3,000 นายเพื่อช่วยเหลือในการอพยพพนักงานออกจากสถานทูตสหรัฐประจำอัฟกานิสถาน ขณะที่อังกฤษส่งทหารราว 600 นายเพื่ออพยพประชาชนออกจากประเทศ
นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และนอร์เวย์ ต่างก็ประกาศอพยพประชาชนของตนออกจากอัฟกานิสถานเช่นกัน
ที่มา : VOA Thai, รอยเตอร์ส กรุงเทพธุรกิจ