เตรียมใจเลือกรถยนต์ไฟฟ้า อนาคตที่กำลังไล่ล่าเรา
Highlight
ภายในปี พ.ศ. 2568 เมืองไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่บนท้องถนนจำนวน 1 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคัน ภายใน 10 ปีต่อมา
ผลประชุมสุดเดือดของบรรดาผู้นำโลกบนเวที COP26 บทสรุปจำเป็นเร่งด่วนเร็วแรงกว่า Fast Furious คือ การไม่พยายามทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 2 หรือ 1.5 องศาเซลเซียส หนึ่งในอิมพลีเมนเทชั่นแห่งความสำเร็จนั่น คือ การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ต่อเรื่องนี้ ยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่ารถยนต์ไฟฟ้ามาแน่ เมื่อ Tesla ของเจ้าพ่อนวัตกรรมโลก อีลอนมักส์ เพิ่งทำกำไรเป็นประวัติศาสตร์ไปไม่นาน ขณะที่ผู้เล่นยานยนต์ระดับบิ๊กเนมทั้งหลาย อย่าง General Motors ก็ได้วางแผนจะผลิตและจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ภายในปี 2035 หรือ Volkswagen ก็ตั้งเป้าเช่นกันว่าจะผลิตรถยนต์ให้มีราคาถูกกว่ารถยนต์ชนิดน้ำมันเบนซิน
เมื่อภาพอนาคตชัดเจน เราจึงควรต้องรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็น หากจะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาช่วยโลกสักคัน
- ประเภทการชาร์จ
คิดจะช่วยโลกต้องเป็นประเภทการชาร์จแบบ Battery Electric Vehicle (BEV) ขับเคลื่อนพลังงานด้วยแบตเตอร์รี่ลูกใหญ่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสถานีชาร์จเราจำเป็นต้องพึ่งโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเป็นหลัก และคงอีกพักใหญ่ทีเดียว ที่จะได้เห็นที่พักอาศัยทั่วไปลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไว้เอง - ระบบ Vehicle to Grid (V2G)
เลือกยานยนต์ที่มีระบบ (V2G) เทคโนโลยีที่สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองไว้ในแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) และป้อนกลับเข้าสู่กริด (Grid) หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- งบประมาณ
1 ล้านไปจนถึง 2,500,000 ++ บาท ขึ้นอยู่กับสมรรถนะและแบรนด์ คาด ว่าในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับราคาลง เพื่อให้เข้าถึงผู้คนมากขึ้น
ขณะที่อนาคตประเทศไทย ตั้งเป้าภายในปี 2568 เราจะมีรถยนต์ไฟฟ้า วิ่งอยู่บนท้องถนนจำนวน 1 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคัน ภายใน 10 ปีต่อมา เป้าหมายนี้จะสำเร็จแค่ไหน เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือกัน แต่ที่แน่ๆ ปัญหาภาวะโลกร้อน และเป็นอนาคตแห่งความหายนะ ที่กำลังไล่ล่าพวกเราทุกคน ทุกชาติพันธุ์ชนิดไม่มีข้อยกเว้นอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องชัวร์ไม่มีมั่วนิ่มอย่างแน่นอน
อ้างอิงจาก :
https://www.nytimes.com/article/electric-vehicle-ev-buying-guide.html
https://blog.pttexpresso.com/v2g-vehicle-to-grid-technology/