ชาวดัตช์ไร้รอยยิ้มช่วงคริสต์มาส รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์ช่วงคริสต์มาส

Highlight

เนเธอร์แลนด์จำใจสั่งล็อคดาวน์ในช่วงคริสมาส เหตุเพราะตัวเลขผู้ป่วยมากกว่า 2.9 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 20,000 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโอไมครอน 

ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงคริสต์มาส ทำเอาชาวดัตช์ไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ท่ามกลางความกังวลต่อเนื่องกับตัวแปร Omicron coronavirus โดยนายกรัฐมนตรี Mark Rutte เปิดเผยว่ามาตรการดังกล่าว “หลีกเลี่ยงไม่ได้” ร้านค้าที่ไม่จำเป็น สถานที่สาธารณะอื่นๆ จะปิดไปจนถึงกลางเดือนมกราคมเป็นอย่างน้อย

ภายใต้กฎข้อบังคับนี้ผู้คนถูกกระตุ้นให้อยู่บ้านอย่างมากที่สุด จำกัดจำนวนคนที่สามารถพบปะกันได้ โดยอนุญาตให้บุคคลที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปอยู่ในบ้านพักเดียวกันได้สูงสุด 2 คน และ 4 คน ในวันที่ 24-26 ธันวาคม รวมถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 

โรงเรียนทุกแห่งจะปิดจนถึงวันที่ 9 มกราคม ในขณะที่มาตรการล็อคดาวน์อื่นๆ จะยังคงอยู่จนถึงวันที่ 14 มกราคมเป็นอย่างน้อย ส่วนร้านอาหารสามารถขายของแบบสั่งกลับบ้านได้ต่อไป และร้านค้าที่ไม่จำเป็นสามารถเสนอบริการคลิกและรับได้ 

Anna Holligan ผู้สื่อข่าว BBC ในกรุงเฮก ให้ข้อมูลว่าการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างน่าวิตกกังวล โดยก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ผู้คนต่างเร่งรีบไปซื้อของในช่วงคริสต์มาส ท่ามกลางรายงานที่ว่ามาตรการใหม่กำลังจะถูกนำมาใช้ และเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่การประกาศเคอร์ฟิวได้ถูกกำหนดไว้สำหรับสถานที่ทางวัฒนธรรมในเนเธอร์แลนด์ต่อผู้มาเยือน เพื่อพยายามจำกัดการแพร่กระจายของโอไมครอน

โดยสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ ได้รายงานตัวเลขผู้ป่วย coronavirus ที่มากกว่า 2.9 ล้านรายนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 20,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตัวแปร Omicron ในเนเธอร์แลนด์ กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

Jaap van Dissel หัวหน้าทีมจัดการการระบาดของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่ามาตรการใหม่นี้จะ "ซื้อเวลา" ซึ่งช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้รับวัคซีนกระตุ้น และสำหรับระบบการดูแลสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น

Hugo de Jonge รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า “มากกว่า 85% ในกลุ่มผู้ใหญ่ทั้งหมดของเนเธอร์แลนด์ได้รับการฉีดวัคซีน แต่จนถึงขณะนี้ยังน้อยกว่า 9% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้น โดยตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม กลุ่มผู้สูงวัยจะได้รับการสนับสนุนให้ฉีดเข็มกระตุ้นโดยเร็วที่สุด”

อ้างอิง : https://www.bbc.com/news/world-europe-59713503