20 เมษายน 2565
2,617

ศรีลังกาไปต่อไม่ไหว ผิดนัดชำระหนี้ เข้าโครงการ IMF

ศรีลังกาไปต่อไม่ไหว ผิดนัดชำระหนี้ เข้าโครงการ IMF
Highlight

ศรีลังกาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ประชาชนพากันออกมาประท้วงตามท้องถนนด้วยความโกรธแค้น เพื่อขับไล่ครอบครัวของประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะ จนรัฐบาลต้องปราบปรามอย่างรุนแรงมีผู้บาดเจ็บล้มตาย แม้ว่า สส.ฝ่ายรัฐเองลาออกจำนวนมากแต่ไม่ยุบสภา และขอเข้าโครงการกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF


ศรีลังกาปราบผู้ชุมนุมประท้วงด้วยกระสุนจริง ตาย 1 บาดเจ็บ หลายสิบคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจศรีลังกาใช้กระสุนจริงเพื่อสลายการชุมนุมประท้วงของประชาชนเมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บกว่า 10 ราย โดยเหตุการณ์จลาจลดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลศรีลังกากำลังเจรจาเพื่อขอความช่วยเหลือเร่งด่วนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หลังจากเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤตที่รุนแรง

เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงทั่วประเทศศรีลังกาเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ท่ามกลางความโกรธแค้นที่รัฐบาลประสบความล้มเหลวในการบริหารประเทศ จนนำไปสู่ภาวะขาดแคลนปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการตัดกระแสไฟฟ้าเป็นเวลานาน
การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมอาจจุดชนวนให้การประท้วงในศรีลังกาทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อบีบให้ประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะ ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่แกนนำฝ่ายค้านของศรีลังกากล่าวว่า ปธน.ราชปักษะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของประชาชนทุกคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโคลัมโบเปิดเผยว่า ในช่วงค่ำของวันอังคาร (19 เม.ย.) ตำรวจได้ใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุมที่เมืองรามบุคคานา หลังจากที่การใช้แก๊สน้ำตาไม่สามารถสลายการชุมนุมได้ เนื่องจากผู้ประท้วงได้พากันปิดกั้นทางรถไฟและพยายามจุดไฟเผารถบรรทุกน้ำมัน โดยการปะทะกันเมื่อวานนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บได้รับการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยขณะนี้ทางการศรีลังกาได้ประกาศเคอร์ฟิวในเมืองรามบุคคานาแล้ว

ทั้งนี้ ศรีลังกาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ประชาชนพากันออกมาประท้วงตามท้องถนนด้วยความโกรธแค้น เพื่อขับไล่ครอบครัวของปธน.ราชปักษะ ขณะที่ทางรัฐบาลกำลังเร่งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากต่างชาติวงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าและพลังงานในภาคครัวเรือน

สหภาพแรงงานในศรีลังกาได้นัดหยุดงานพร้อมกันในวันนี้ (20) เพื่อประท้วงค่าครองชีพที่แพงขึ้น ขณะที่ค่าโดยสารรถสาธารณะเตรียมปรับขึ้นอีก 35% ในวันนี้ (20) หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นเกือบ 65% ส่วนราคาขนมปังก็ปรับเพิ่มเกือบ 30%

20220420-a-01.jpg

ประชาชนประท้วงไล่ประธานาธิบดีลาออก 

กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากยังคงตั้งแคมป์ปักหลักอยู่ที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดีตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

ประธานาธิบดีราชปักษา แสดงท่าทียอมรับความโกรธเกรี้ยวของประชาชนที่มีต่อการบริหารประเทศที่ผิดพลาด โดยเมื่อวันจันทร์ (18) เขาได้ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ปราศจากชื่อของสมาชิกตระกูลราชปักษา บางคน ทว่า มหินทา ราชปักษา พี่ชายของเขา ยังคงนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

การล่มสลายทางเศรษฐกิจของศรีลังกา

ภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจของศรีลังกานั้นส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 ซึ่งทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวและเงินที่ชาวศรีลังกาส่งกลับประเทศลดลงมาก

สัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางศรีลังกาได้ประกาศผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ 51,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้คราวนี้ก็เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในคลังไปจัดซื้ออาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรค และความจำเป็นพื้นฐานอื่นๆ ที่ขาดแคลนมานานหลายเดือน

ศรีลังกาเสี่ยงเป็นรัฐล้มละลาย จากวิกฤตหนักสุด นับแต่เป็นเอกราช

ศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจเลวร้ายที่สุดในรอบ 74 ปี นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ จากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล จนทำให้เกิดคำถามว่า ศรีลังกากำลังจะเป็นรัฐล้มละลายหรือไม่

ตลาดหลักทรัพย์โคลัมโบ หรือ CSE ปิดไปในช่วงวันหยุดปีใหม่ตามประเพณี ประกาศหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 5 วัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับประกาศหยุดการซื้อขายเพิ่มเป็นเวลา 5 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ (18 เมษายน) เป็นต้นไป หลังศรีลังกาได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และประกาศระงับการชำระหนี้ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว 

บรรดาโบรกเกอร์คาดว่า หุ้นจะร่วงอย่างหนักในวันจันทร์นี้ หลังจากธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกือบสองเท่าของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ 14.5% หลังปิดตลาดเมื่อวันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนวันหยุด

วิกฤตครั้งนี้ทำให้ชาวศรีลังกา 22 ล้านคนต้องเผชิญความทุกข์ยาก และนำไปสู่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประชาชนหลายพันคนตั้งแคมป์นอกทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกาเป็นวันที่แปดติดต่อกัน พร้อมกับตะโกนขับไล่ประธานาธิบดี

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมหินทา ราชปักษา เสนอเชิญตัวแทนของกลุ่มผู้ประท้วงที่ปักหลักชุมนุมตรงทางเข้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโคลัมโบ เข้าร่วมการเจรจากับเขา โดยจะยินดีรับฟังข้อเสนอแนะในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่รุมเร้าประเทศในขณะนี้ 

อย่างไรก็ดี ผู้ประท้วงบางส่วนคัดค้านข้อเสนอเจรจา โดยบอกว่าในเมื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการให้เขาอยู่ต่อ ก็ควรจะพาคนทั้งตระกูลกลับบ้านไป นอกจากนี้ ผู้ประท้วงบางส่วน ยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับบรรดาผู้นำรัฐบาลให้ได้รับโทษจำคุกด้วย

ผู้ประท้วงในศรีลังกา ปักหลักชุมนุมติดต่อกันกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา น้องชายของนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ และขอให้ตระกูลราชปักษาพ้นจากอำนาจให้หมด

โดยกล่าวหาว่า พวกเขาทุจริตคอร์รัปชัน และบริหารประเทศผิดพลาด ทำให้ชาวศรีลังกาเดือดร้อนจากปัญหาอาหารและเชื้อเพลิงขาดแคลน และการตัดไฟวันละ 13 ชั่วโมง หลังจากประเทศมีเงินตราต่างประเทศไม่เพียงพอ เพื่อนำเข้าสินค้าและเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และยังมีภาระหนี้สูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ครบกำหนดชำระภายในระหว่าง 5 ปีข้างหน้า

20220420-a-02.jpg

ศรีลังกาขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) 

นายราเมช ปาทิรานา โฆษกคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมการเพาะปลูกแห่งศรีลังกา กล่าวในวันนี้ว่า ศรีลังกาเปิดรับการหารือเพื่อขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์กรให้กู้ยืมระดับพหุภาคีต่าง ๆ เนื่องจากศรีลังกาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจในรอบหลายปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินสำรองระหว่างประเทศของศรีลังการ่วงลงสู่ระดับ 2.36 พันล้านดอลลาร์ จนส่งผลกระทบต่อสินค้านำเข้าที่จำเป็นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อก็กำลังพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ศรีลังกายังมีกำหนดต้องจ่ายหนี้คืนเป็นจำนวนราว 4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์และกลุ่มผู้นำจากพรรคฝ่ายค้านกดดันให้รัฐบาลขอความช่วยเหลือจากองค์กรอย่าง IMF เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

"เราเปิดรับการเจรจากับ IMF และผู้ให้กู้ยืมระดับพหุภาคีรายอื่น ๆ เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) อยู่เสมอ" นายปาทิรานาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว

นอกจากนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านบางรายยังเรียกร้องให้รัฐบาลนำเสนอต่อรัฐสภาเรื่องที่ IMF จะทำการประเมินสถานการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจเร็ว ๆ นี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมหารือของ IMF กับประเทศสมาชิก (Article IV Consultation) ที่มีขึ้นเป็นประจำ

"รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเสนอเอกสารฉบับนี้ต่อรัฐสภา และชี้แจงถึงแผนแก้วิกฤตครั้งนี้อย่างยั่งยืน" นายฮาร์ชา เดอ ซิลวา ส.ส.ฝ่ายค้านกล่าว

ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก

ขณะที่พรรคซามากี จานา บาลาวีกายา หรือ SJB ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านประกาศให้เวลาประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีลาออกภายในเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่รัฐสภา โดยพรรคมองว่าเสถียรภาพทางการเมืองเป็นเงื่อนไขสำคัญ ก่อนจะมีการเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF และประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้

ล่าสุด บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้ง Fitch Ratings และ S&P Global Ratings ได้ลดอันดับความน่าเชื่อทางการเงินของศรีลังกา หลังพบว่า ธนาคารกลางศรีลังกาเริ่มระงับการชำระคืนหนี้ต่างประเทศชั่วคราวแล้ว เพื่อเก็บเงินตราต่างประเทศไว้สำหรับนำเข้าสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมัน

อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกากล่าวว่า การกระทำครั้งนี้มีเจตนาดี และเน้นว่า ศรีลังกาไม่เคยผิดนัดชำระหนี้มาก่อน ยืนยันการงดชำระหนี้ต่างประเทศนี้จะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้และเมื่อได้รับการสนับสนุนจากโครงการเงินกู้กับ IMF

ครอบครัวที่ทรงอิทธิพล

ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตครั้งนี้ ศรีลังกาเป็นประเทศในเอเชียใต้ที่มีอันดับสูงสุดในดัชนีการพัฒนามนุษย์ และมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับสองในเอเชียใต้ 

วิกฤตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการล่มสลายของสกุลเงิน เงินเฟ้อพุ่งพรวดพราด ตามมาด้วยวิกฤตด้านมนุษยธรรมอันเนื่องมาจากการขาดแคลนสิ่งของจำเป็นอย่างรุนแรง

ความไม่พอใจของผู้ประท้วงพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวราชปักษา ซึ่งยึดทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี และตำแหน่งสำคัญ ๆ ในรัฐบาลอีกมากมาย

ตระกูลนี้ปกครองศรีลังกาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ข้อวิพากษ์วิจารณ์หลักต่อผู้มีอำนาจที่ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตจนชาวบ้านไม่มีน้ำ, ไม่มีไฟฟ้า, ตกงาน และราคาข้าวของแพงอย่างรุนแรงนั้น กลายเป็นปัญหาหลัก

ทั้งประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา และนายกรัฐมนตรีมหินทรา ราชปักษา ต่างใช้นโยบายกู้ยืมเงินก้อนมหาศาลจากต่างชาติ เป็นเงินกู้ที่เอาไปใช้ในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก 

การผูกขาดทางอำนาจ

ศรีลังกากำลัง “ใกล้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย” ด้วยหนี้ระหว่างประเทศราว 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีกำหนดชำระหนี้ภายในปีนี้เกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลศรีลังกาประกาศว่า จำเป็นต้องผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ทางการศรีลังกามีกำหนดหารือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ในเดือนนี้ อีกส่วนหนึ่งก็ต้องกู้ยืมเงินฉุกเฉินจากจีนและอินเดีย

ไม่ใช่เพียงแต่คืนเงินกู้ แต่ยังต้องหาเงินมาซื้อหาอาหารและเชื้อเพลิงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันแสนสาหัสของประชาชนด้วย

ภาพความรันทดของชาวศรีลังกามีให้เห็นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตระกูล “ราชปักษา” คือที่มาของปัญหาทั้งหลายทั้งปวง

เป็นที่รู้กันว่าอิทธิพลบารมีทางการเมืองของตระกูลนี้ เริ่มด้วยบทบาทของนายกรัฐมนตรี “มหินทรา ราชปักษา”  ตอนที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกา ช่วงปี 2009

เขาได้รับความชื่นชอบจากประชาชนขณะนั้นด้วยผลงานที่สามารถยุติสงครามกลางเมืองจากความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ที่ลากยาวมาถึง 25 ปี

แต่นั่นไม่ได้แปลว่าตระกูลนี้จะสามารถผูกขาดอำนาจการเมืองในทุก ๆ ด้านอย่างยาวนานเช่นนี้

เพราะคนจากตระกูลนี้ได้ตำแหน่งแห่งหนในกระทรวงทบวงกรมมากมายโดยไม่ตระหนักถึงภาพลักษณ์และความรู้สึกของคนที่มองว่านี่เป็นการเมืองที่ส่งต่อจากสมาชิกคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งในครอบครัวอย่างไม่รับผิดชอบ

จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือการที่ชาวศรีลังการู้สึกว่า เมื่อคนในตระกูลเดียวกันบริหารบ้านเมืองในเกือบทุกมิติ ก็ย่อมจะกระทบกับความเป็นอิสระในการบริหารประเทศ

พอเกิดวิกฤต แทนที่จะแสวงหาคนที่มีความรู้ความสามารถและมืออาชีพในแก้ปัญหา กลับยังรักษาฐานอำนาจของคนกลุ่มเดียวกันเอาไว้

ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ได้เสนอการจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” เพื่อรับมือกับวิกฤตที่มีแต่เสื่อมทรามลง แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เล่นด้วย

ต่อมารัฐมนตรีหลายคนยื่นใบลาออกพร้อมกัน ตามมาด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาลเกือบ 40 คนก็ประกาศลาออกเช่นกัน ทำให้รัฐบาลขาดเสียงข้างมากในสภา

แต่ผู้นำตระกูลนี้ก็ยังไม่ยอมยุบสภาให้ประชาชนตัดสินชะตากรรมของตน กลายเป็นรัฐล้มละลายในภาวะล้มเหลว เพราะการเมืองที่อำนาจกระจุกตัวและนโยบายที่ผิดพลาดจนประชาชนตกนรกเศรษฐกิจกันทั้งประเทศ

อ้างอิง : Reuters, TNN Thailand, infoquest 
ภาพ : Reuters

ติดต่อโฆษณา!