"เศรษฐกิจโลก 2024 ยังอ่อนแรง" จากดอกเบี้ยขาขึ้น - พลังงานแพง - การชะลอของสหรัฐฯ และจีน
วาณิชธนกิจขนาดใหญ่หลายแห่งประเมินว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแรงต่อเนื่องในปี 2024 โดยเศรษฐกิจโลกจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง จาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
- อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
- แนวโน้มราคาพลังงานที่สูงขึ้น
- การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ จีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ตามสำรวจของ Reuters ประเมินว่าในปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้อัตรา 2.9% และคาดว่าการเติบโตในปี 2024 จะลดลงมาอยู่ที่ 2.6%
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ แต่อาจจะมีสัญญานการถดถอยแบบ mild recession เกิดขึ้นในยุโรป และ อังกฤษ
ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น แม้การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลางจะยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางอย่างไร แต่ก็ประเมินว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีโอกาสที่ชะลอตัวลงแบบไม่รุนแรง หรือ Soft Landing ได้
ขณะที่ นางเจนเน็ท เยลเลน รัฐมนคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นชะลอตัวลงในภาพของ Soft Landing ได้ หลังจากการจ้างงานกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนน่าจะอ่อนแอมากขึ้น เนื่องจากถูกแรงกดดันจากภาคเอกชนที่กำลังมองหาการลงทุนในการผลิตในต่างประเทศแทนที่การลงทุนในประเทศ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ และ แบงก์ออฟอเมริกา โกลบอล รีเสิร์ช ประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า 2024 ที่ระดับ 2.8% ส่วนโกลด์แมน แซค, ยูบีเอส และ บาร์เคลย ประเมินการขยายตัวไว้ที่ 2.6% ขณะที่ เจพี มอร์แกนประเมินการขยายตัวต่ำสุดที่ระดับ 2.2%