"สี จิ้น ผิง" เตือน สหภาพยุโรป อย่าใช้นโยบายเผชิญหน้ากับจีน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) ในการประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้กล่าวเตือน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปว่า จีนและยุโรปไม่ควรมองว่า "ทั้งสองเป็นคู่แข่ง" หรือ "เผชิญหน้ากัน" เพียงแค่ทั้งสองฝ่ายมีระบบทางการเมืองที่แตกต่างกัน
ปธน. สี ยังกล่าวอีกว่าจีนยินดีที่จะทำให้สหภาพยุโรปและจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ-การค้าที่สำคัญต่อกัน อีกทั้งจะให้ความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องพัฒนา "การรับรู้ที่ถูกต้อง" รวมถึงต้องส่งเสริมความเข้าใจและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ในระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน ก็ได้พบกับ นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ลาเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป, นาย ชาร์ลส์ มีเชล ประธานสภายุโรป และ นาย โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ด้วย
โดย นาย หลี่ ได้กล่าวกับทางสหภาพยุโรปว่า จีนหวังว่าสหภาพยุโรปจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการค้าที่เข้มงวดต่อประเทศจีน
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป ได้แก่
- ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและจีน
- ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
- การดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทางสหภาพยุโรป ได้แสดงความกังวลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ "ไม่สมดุล" โดยสหภาพยุโรปนั้น ขาดดุลการค้ากับจีนเกือบ 4 แสนล้านยูโร (4.3 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดของภาคเอกชนยุโรป
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปต้องการให้จีนใช้อิทธิพลของตนต่อรัสเซียเพื่อหยุดยั้งสงครามในยูเครน และ กระตุ้นให้รัฐบาลจีน ดูแลภาคเอกชน ที่อาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งต่อสินค้าจากยุโรปเข้าไปยังรัสเซียเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร